คลังเก็บป้ายกำกับ: เรื่องที่น่าสนใจ

ประวัติตรุษจีนที่เกี่ยวกับพระเจ้าเตา

Published / by admin

ประวัติตรุษจีนที่เกี่ยวกับพระเจ้าเตา

ประเพณีตรุษจีนนั้นถือได้ว่าเป็นประเพณีของประเทศบ้านเขาที่มีมาตั้งแต่ในสมัยยุคโบราณแต่ก็ยังไม่มีใครนั้นเข้าใจได้ว่าวันตรุษจีนนั้นมีมาตั้งแต่ครั้งเมื่อไรกันหรืออาจจะเป็นในสมัยราชวงค์เซี่ยเมื่อ4000ปีที่แล้วในหนังสือของจีนที่ได้มีการระบุเอาไว้และได้เขียนยถึงประเพณีของจีนไว้

วันตรษจีนนั้นให้เรานั้นทำตัวให้สดชื่นเข้าไว้และพยายามใส่ชุดใหม่ๆ

ในวันตรุษจีนเมื่อความเชื่อกันว่าหากได้ใส่ชุดใหม่หรือมีจิตใจที่สดใสว่ากันว่าจะได้รับสิ่งดีๆเข้ามาและยังมีประเพณีที่ถือเหมือนๆกันอย่างหนึ่งว่าในตามประเพณีของจีนนั้นจะถือเรื่องมงคลตามประเพณีจีนของจะติดรูปเทพารักษ์และก็กราบกลอนเอาไว้ที่ประตูบ้านทั้งซ้ายและขาวเพื่อความเป็นสิริมงคลของครองครัวรูปเทพารักษ์ประจำตัวของจีนนั้น

มีเรื่องเล่ากันหลายอย่างแต่ที่รู้กันมาในแพร่หลายก็คือเรื่องพระเจ้าถังไท่จงฮ่องเต้ได้ทำผิดสันญาเป็นเหตุให้พญามงกรได้ถูกประหารชีวิตเมื่อพระเจ้ามงกรตายไปแล้วพระเจ้าถังไท่จงก็เลยถูกวิญญาณมงกรรบกวนจนนอนไม่หลับในที่สุดก็หาวิธีแก้โดยให้ทหารเอกมานอนเฝ้าหน้าประตูวิญญาณมงกรก็หายไป

แต่การที่ให้ทหารมายื่นอยู่ทั้งปีทั้งชาตินี้ก็คงจะเป็นไปไม่ได้เพราว่าทหารเอกก็จะต้องมีเวลาไปทำอย่างอื่นจากนั้นก็มมีผู้แนะนำให้เขียนรูปทหารเอกเอาไว้ที่ประตูแทนปรากฏว่าได้ผลเช่นเดียวกันจากนั้นก็ได้เกินเป็นประเพณีทำรูปทหารเอกเอาไว้ที่หน้าประตูสืบมาจากนั้นก็กลายมาเป็นสเทพารักษ์รูปทั้งสองนี้บางทีก็เขียนลงในแผ่นไม้ต้นท้อแขวนในที่ประตูในเทศกาลวันขึ้นปีใหม่บางบ้านที่มีประตูบานเดียว

ก็จะมีรูปเจ้ารูปตูเดียวอีกชนิดหนึ่งคนจีนมีเจ้าหลายองค์เพราะฉะนั้นก่อนจะถึงวันตรุษจีนจะต้องทำความสะอาดบ้านเรือนเอาไว้คอยรับเจ้าเจ้าที่จะได้รับเชิญเข้ามาในบ้านนอกจากเจ้าประตูที่ว่าแล้วก็ยังมีเจ้าเตาซึ่งถือว่าเป็นเจ้าสำคัญประจำบ้านคือในเมืองจีนนั้นทุกบ้านจะมีเตาก่อด้วยอิฐโบกปูเหนือเตานี่ล่ะเป็นที่ประทับของเจ้าเตาตามรูปเขียนที่คนจีนนั้น

เขียนเจ้าเตามีหน้าตาค่อนข้างไปทางสี่เหลี่ยมหน้าสี่เลี่ยมหูใหญ่เคายาวมีประเพณีเกี่ยวกับเจ้าเตาอย่างหนึ่งก็คือเมื่อเจ้าสาวได้แต่งกันแล้วเข้ามาอยู่ในบ้านสามีซึ่งแรกที่จะต้องทำก็คือจะต้องไหว้เจ้าเตาและเมื่อมีลูกชายก็ต้องให้ไปไหว้เจ้าเตารวมไปถึงไม่ว่าจะมีคนเจ็บคนตายก็ต้องรายงานให้เจ้าเตาทราบเพราะในตอนปลายปีของทุกปีเจ้าเตาจะขึ้นไปเฝ้าฮ่องเต้

การเลือกสีห้องนั่งเล่น

Published / by admin

การเลือกสีห้องนั่งเล่นตามหลักฮวงจุ้ย

    สำหรับห้องนั่งเล่นในบ้านเรือนนั้นนับเป็นห้องที่แสดงถึงหน้าตาและฐานะของ เจ้าของบ้าน และห้องนั่งเล่นยังเป็นห้องที่เป็นศูนย์รวมให้ทุกคนในคอบครัวได้มาอยู่รวมกัน ดังนั้นการจัดห้องนั่งเล่นให้เหมาะกับคนที่อยู่เหมาะกับหลักฮวงจุ้ยจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

โดยการใช้สีห้องนั่งเล่น ควรจะเน้นเป็นสีอ่อน หรือสีสันที่สดใจ ไม่ดูร้อนแรงจนเกินไป แต่ก็ใช้ว่าจะใช้โทนสีสดใสอย่างเดียวแล้วจะดี การแต่งห้องนั่งเล่นควรมีการใช้สีทั้งแบบสดใสและร้อนแรงบางจุดควบคู่กันไป  โดยดูจากทิศทางการวางห้องนั่งเล่นว่าอยู่ในทิศทางใด

วันนี้เราจะนำควรรู้เรื่องของสีและทิศของห้องนั่งเล่นมาแนะนำในการตกแต่งห้องนั่งเล่นให้บ้านของเราน่าอยู่และอยู่แล้วคนในบ้านจะมีแต่ความสุขความเจริญมาฝากกันค่ะ

  • ทิศเหนือ 

 หากใครที่สร้างห้องนั่งเล่นของตัวบ้านไว้ทางทิศเหนือซึ่งเป็นทิศของธาตุน้ำ จะต้องใช้สีดำ  สีฟ้าและสีน้ำเงินในการทาผนังห้องแต่สีเหล่านี้ก็ดูจะไม่ค่อยเข้ากับห้องนั่งเล่นสักเท่าไหร่ ดังนั้นเราจึงมีวิธีการแก้ให้ด้วยการใช้สีเหล่านี้แค่บางจุดภายในห้องก็พอโดยนำสีที่สามารถเสริมพลัง หยางมาเสริม เช่น สีเทา สีขาว หรือสีเขียว

  • ทิศใต้

สำหรับสีห้องนั่งเล่นที่เหมาะกับทิศใต้คือ สีแดง สีส้ม และสีชมพูเพราะเป็นธาตุไฟแต่ลองคิดดูสิว่าถ้าห้องนั่นเล่นสีนี้คงไม่ดีเท่าไหร่ ดังนั้น จึงควรใช้สีที่มาช่วยปรับสมดุลเป็นสีน้ำตาลหรือสีเขียวแทน

  • ทิศตะวันตกและทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

สำหรับทิศนี้เป็นของธาตุเหล็กจึงต้องเป็นสี บรอนซ์ สีเหลืองหรือสีขาว และสีทอง แต่ถ้าแม้จะเป็นธาตุเหล็กแต่ก็สามารถนำธาตุดินมาช่วยได้ เช่น สีน้ำตาล และสีเบจ มาช่วยเสริม ส่วนสีของธาตุที่ควรหลีกเลี่ยงคือธาตุน้ำ ดังนั้นจึงไม่ควรใช้ สีฟ้า สำน้ำเงิน หรือสีดำมาตกแต่ง

  • ทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศตะวันตกเฉียงใต้

สำหรับทิศนี้จะเป็นทิศของธาตุดิน ซึ่งธาตุดินจะเหมาะกับ สีเบจ สีครีม และสีน้ำตาลอ่อนหรือสีเหลือง  แต่ไม่ควรใช้สี เทา สีขาวและสีเขียว เพราะเป็นสีของธาตุไม้และธาตุเหล็ก

นี่เป็นตัวอย่างการปรับแต่งห้องนั่งเล่น ให้เหมาะกับทิศทางและฮวงจุ้ยของบ้าน ซึ่งหากมีการทาสีที่อาจจะไม่ถูกตามหลักฮวงจุ้ยไปแล้วเราไม่จำเป็นต้องเอาสีอื่นมาทาทับเพียงแค่หาสีสิ่งของที่จะนำมาประดับตกแต่งห้องนั่งเล่นให้เป็นสีตามหลักที่ถูกต้องมาวางเอาไว้ก็สามารถที่จะแก้เคล็ดได้เช่นกัน

ประเพณีรับบัวเป็นอย่างไรนะ

Published / by admin

ประเพณีรับบัวหรือประเพณีแห่งสายน้ำที่มีการจัดตั้งขึ้นมายาวนานของคนไทย

ซึ่งปัจจุบันประเพณีนี้อยู่ที่จังหวัด สมุทรปราการ จะมีการเริ่มจัดงานในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี โดยที่เรื่องราวการจัดงานนี้ขึ้นเกิดจากที่ในสมัยก่อนชาวชุมชนบางพลี จะมีประชาชนอาศัยอยู่สามารถแบ่ฃออกได้เป็น 3 ส่วนใหญ่ๆคือ คนไทยดั้งเดิมในพื้นที่ คนมอญ และ คนลาว โดยทุกคนใช้ชีวิตร่วมกันอยู่ในชุมชนมาช้านาน อย่างมีความสุข

 ประเพณีรับบัวนั้นเริ่มแรกเดิมทีเกิดจากที่ชาวบ้านนั้นเป็นคนมีน้ำใจแก่เพื่อนร่วมชุมชน

เรื่องมีอยู่ว่าคนมอญที่ได้มาทำงานอยู่กับคนคนในท้องถิ่นบางแก้ว ซึ่งในช่วงเข้าพรรษาคนมอญที่ได้มาทำงานอยู่ด้วย จะขอเดินทางกลับบ้านไปทำบุญที่อำเภอพระประแดง และได้มีการเก็บเอาดอกบัวมาถวายพระสงฆ์และส่วนหนึ่งก้ได้นำมาฝากเพื่อนบ้านด้วย

มาในปีต่อมาในช่วงเวลาเดียวกันชาวบ้านในอำเภอเมืองและชาวพระประแดง ได้พายเรือออกมาเพื่อเก็บดอกบัวในเขตของอำเภอบางพลี และก็ถือว่าเป้นโอกาสดีที่ชาวบ้านทั้งสองอำเภอจะได้นมัสการองค์หลวงพ่อโต อีกทั้งสองอำเภอนั้นอยู่ติดกันใช้เวลาเพียงเล็กน้อยเพื่อเดินทาง 

และเพื่อกระชับความสัมพันของคนในพื้นที่และต่างอำเภอแต่ล่ะลำเรือได้มีการร้องรำทำเพลงเพื่อให้เกิดความครึกครื้นในระหว่างเดินทาง และสำหรับการแห่องค์หลวงพ่อโตทางเรือนั้น เกิดจากเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๗ นางจั่นชาวบ้านในอำเภอบางพลีและชาวบ้านคนอื่นๆ ได้ร่วมกันสร้างองค์พระปฐมเจดีย์ ณ วัดบางพลีใหญ่ และได้ร่วมกันจัดงานแห่ผ้าห่มองค์พระปฐมเจดีย์  ต่อมาได้เกิดการสืบทอดกันมาแต่เปลี่ยนวิธีเป็นแห่องค์หลวงพ่อโตองค์จำลองลัดเลาะไปทำลำคลองสำโรง เพื่อให้ประชาชนได้ออกมาสะการะ โดยดอกไม้ที่ใช้ในการสะการะนั้นก็คือดอกบัวเช่นเดิม 

โดยอย่างที่รู้ๆกันนั้นประเพณีโยนบัวนั้น มีแค่ใน อำเภอบางพลี  สมุทรปราการ เท่านั้น โดยที่ประเพณีนี้ใช้ดอกบัวเป็นเครื่องไหว้สะการะก็เพราะว่าในเขตบางพลีนั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยดอกบัวหลวง

อยู่ไปทั่วตามแม่น้ำลำคลองหนองบึงภายในเขตพื้นที่บางพลี โดยที่ไกล้จะถึงเทศกาลดั่งกล่าวชาวบ้านก้จะนิยมพากันออกมาเก็บดอกบ้วภายในพื้นที่ตนเองอยู่หรือไกล้เคียงเพื่อนำไปถวายพระในวันดั่งกล่าว และในช่วงเวลาต่อมาชาวบ้านก็ได้มีการเก็บดอกบัวเพื่อคนที่ยังไม่มีและคนต่างพื้นที่จะมาขอแบ่งดอกบัวเพื่อไปถวายพระในวันงานและเพื่อความรวดเร็วในการส่งต่อดอกบัวจากเรือหนึ่งลำไปอีกหนึ่งรำ

จึงได้มีการโยนดอกบัวให้กันและกันจนกลายมาเป็นชื่อเรียกกันต่อมาว่าประเพณีโยนบัว 

ประวัติสุดเฮี้ยนของจังหวัดอ่างทอง

Published / by admin

เรื่องของคนในจังหวัดอ่างทองอย่างสุดเฮี้ยนในช่วงของปีหนึ่งน้ำนั้นได้แห้งไปหมดลมหนาวพัดแรงทั้งวันถ้าเป็นปีอื่นก็จะได้เกี่ยวข้าวกันแต่ช่วงนี้น้ำไม่มีเลยไม่มีข้าวเกี่ยวพอดินแห้งก็ไถ่หน้าดิบปลูกถั่วเขียนพอให้ได้เอาไปขายซื้อข้าวมากินป้าจ่างก็รีบไถ่ดิบซื่อเมล็ดมาปลูกกับลูกสาวลูกเขยอาศัยก็ไม่ได้วันๆเอาแต่นั่งเหม่ออยู่ที่ใต้ต้นมะม่วงเมื่อก่อนไม่เคยเป็นแบบนี้

พึ่งจะมาเป็นก็ตอนที่น้ำท่วมเขาโดย ผี เล่นงานเอาแล้วผีอะไรก็ไม่รู้ที่ทำให้เขาต้องเป็นแบบนั้นป้าจ่างก็เล่าให้คนในหม฿บ้านฟังว่าลูกเขยของตัวเองเป็นคนไม่กลัว ผี กลางคืนก็เดินแบบไม่กลัวอะไรมีวันหนึ่งได้เดินกลับมาบ้าน พร้อมกับของเก่าแก่สมัยโบราณชิ้นหนึ่งเห็นแล้วแต่ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นรูปอะไรมันเหมือนกับ

เป็ดดิบเผา หรือ ห่านหงส์แต่ป้าเห็นว่าเป็นรูปเป็ด

ป้าแก่ก็เลยถามลูกเขยว่าไปเอามาจากไหนเขาได้มาจาก โคกวัดอิฐ เมื่อก่อนที่ตรงนั้นเป็น วัดร้าง เคยมีสิ่งก่อสร้างต่างๆแต่ว่าตอนหลังไม่ว่า โบสถ์ วิหาร ก็พังไปหมด เจดีย์ ก็ไม่เหลือ ที่เหลือก็จะมีแต่ก้อนอิฐแดงๆเก่าๆฝังดิบอยู่ นอกจากนี้เคยมีเด็กคนหนึ่งได้เก็บอิฐแดงมาเล่นที่บ้านก็เกิดเรื่องขึ้นปรากฏว่า ผี ที่วัดอิฐ

ตามมาถึงบ้านนอนเพ้อทั้งคืน ผี จะฆ่าและจะเอาไปอยู่ด้วยพ่อแม่จึงถามว่าไปทำอะไรมาลูกจึงบอกว่าไปเล่นที่วัดอิฐ และได้เก็บเอาอิฐที่วัดมาเล่นที่บ้านด้วยจากนั้นพ่อและแม่จึงรีบจุดธูปบอกกล่าวว่าจะรีบนำไปคืนในวันพรุ่งนี้จากนั้นก็ปกติ

แต่สำหรับลูกเขยของป้าจ่างของเอามาแล้วและได้เอาไปขายเขาว่ามันแปลกดี

พวกสะสมของเก่าแปลกๆจะต้องอยากได้ ไม่ว่าป้าจ่างจะพูดยังไงลูกเขยก็ไม่ยอมเอาไปคืนซึ่งมีคนถูกผีวัดอิฐตามหลายคนแล้วที่ไปเอาของ โคกวัดอิฐ มาไม่ตายก็บ้าๆบอๆพูดยังไงลูกเขยก็ไม่ยอมเชื่อแถมยังหัวเราะและยังบอกอีกว่ามีอะไรที่ไหนกลัวกันไปเอง

เช้าวันหนึ่งลูกเขยเขาก็ได้นำของไปขายที่ตัวจังหวัดตกเย็นก็เมามาเลยเพราะขายของเก่าได้เอาเงินกินเหล้าร้องเพลงเสียงดังเหมือนกับมีความสุขตกกลางคืนวันนั้นลูกเขยป้าจ่ายก็ร้องเพ้อขึ้นมาและลุกขึ้นวิ่งไปรอบบ้านร้องกลัวแล้วๆไม่เอาแล้วๆเหมือนโดนผีวัดโคดอิฐเล่นงานส่วนแม่และลูกสาวก็จุดธุปก็ไม่หายส่วนคนที่ซื้อของเก่าไปก็โดนบีบคอและบอกว่าไม่เอาแล้วจะเอาไปคืนพอเช้าคนที่ซื้อของเก่าไปก็รีบมาจากตัวจังหวัดเอาของเก่ามาให้เขา

ให้เขานั้นได้เอาไปคืนที่เก่าแต่ลูกเขยนั้นไม่รู้เรื่องไม่รู้ภาษาอะไรแล้วป้าจ่างกับลูกสาวจึงได้นำไปคืนเองและได้จุดธูปบอกกล่าวขอให้ยกโทษให้กับลูกเขยเขาด้วยแต่ก็ไม่หายพาไปหาหมอ หาไปหาพระต่างๆแต่ก็ไม่ดีขึ้นสติก็ไม่กลับมา และนี่ก็คืออาถรรพ์ ของโคกวัดอิฐ