คลังเก็บป้ายกำกับ: ufabet

วิธีจัดการเพื่อนบ้านเวลาส่งเสียงดังรบกวน

Published / by admin

 การจัดการกับเพื่อนบ้านที่ส่งเสียงดังรบกวนสามารถทำได้โดยมีขั้นตอนต่อไปนี้

1.พูดคุยอย่างสุภาพ:พยายามพูดคุยกับเพื่อนบ้านอย่างสุภาพเมื่อมีปัญหาเสียงดัง แสดงให้เขารู้ว่ามีผลกระทบต่อคุณและอื่น ๆ ในท้องที่

2.หาข้อมูลเพิ่มเติม:ตรวจสอบกฎหมายท้องที่เกี่ยวกับเสียงดังในพื้นที่ของคุณ หากมีกฎหมายที่กำหนดระดับเสียงที่ยอมรับได้ คุณสามารถอ้างอิงถึงมันในการพูดคุย

3.ขอความร่วมมือ:ขอให้เพื่อนบ้านรับรู้ถึงปัญหาของคุณและขอความร่วมมือในการลดระดับเสียง.

4.ติดตั้งวิธีการลดเสียง:ติดตั้งวิธีการลดเสียง เช่น การติดตั้งผนังเสียง, การใช้บล็อกเสียง, หรือการติดตั้งวัสดุลดเสียง

5.ให้เวลาในการปรับตัว:ให้เวลาให้เพื่อนบ้านทำการปรับตัว หากเป็นไปได้, ควรให้เวลาพักตัวในการปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลง

6.แจ้งเจ้าหน้าที่:หากการพูดคุยและการขอความร่วมมือไม่ได้ผล ลองแจ้งเจ้าหน้าที่ท้องที่หรือผู้ดูแลระบบที่เกี่ยวข้อง

7.การย้ายกลับกลางคืน:ถ้ามีความจำเป็น คุณอาจต้องพิจารณาการย้ายออกหรือการย้ายกลับกลางคืน

8.คำแนะนำเพิ่มเติม:คำแนะนำจากเพื่อนบ้าน, สมาคมบ้าน, หรือคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ท้องที่อาจช่วยในการจัดการ

การแก้ไขปัญหาเสียงดังรบกวนต้องการความสงบสุขและความร่วมมือจากทั้งสองฝ่าย เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

แนวทางแก้ไข การแก้ไขปัญหาเสียงดังรบกวนต้องเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจสาเหตุของปัญหาและตัวละครที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1.วิเคราะห์สาเหตุ:ทำความเข้าใจว่าเสียงดังมีจากที่ไหน และจากอะไร ตรวจสอบว่าเสียงเกิดจากกิจกรรมใด ๆ เช่น เสียงเครื่องดนตรี, เสียงเครื่องใช้ไฟฟ้า, หรือเสียงจากคนอยู่ในบ้าน.

2.พูดคุยกับเพื่อนบ้าน:เลือกวิธีการพูดคุยที่สุภาพและบอกให้เขารู้ถึงปัญหาของคุณ. อาจจะเสนอแนวทางและข้อเสนอแนะในการลดเสียงดัง

3.ใช้เทคโนโลยีลดเสียง:ใช้วิธีการลดเสียง เช่น การติดตั้งแผ่นซับเสียง, การใส่หูฟัง, หรือการใช้เทคโนโลยีลดเสียงจากเครื่องใช้ไฟฟ้า

4.ลดเสียงที่กำเนิดจากบ้าน:ตรวจสอบและปรับแต่งอุปกรณ์ที่ทำให้เสียงดัง เช่น เครื่องเสียง, เครื่องปรับอากาศ, หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ

5.ติดตั้งวัสดุลดเสียง:การใช้วัสดุลดเสียงเช่น ผนังเสียง, ฉนวนเสียง, หรือมวลเสียงที่ติดตั้งบนผนังหรือเพดานสามารถช่วยลดการกระจายเสียง

6.ขอความร่วมมือ:ขอให้เพื่อนบ้านรับรู้ถึงปัญหาและขอความร่วมมือในการลดเสียงดัง. การมีความเข้าใจและร่วมมือกันจะช่วยในการหาทางแก้ไขปัญหา

หากการพูดคุยและการทำความเข้าใจไม่ได้ผล, ควรพิจารณาการสนใจคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่หรือผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางแก้ไขปัญหา

การแก้ไขปัญหาเสียงดังควรให้เวลาและความร่วมมือจากทั้งสองฝ่าย เพื่อให้สามารถพบทางแก้ไขที่เหมาะสมและยั่งยืนได้

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    ufabet

รู้หรือไม่มหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรแปซิฟิกนั้นน้ำไม่ได้ไหลมารวมกัน

Published / by admin

        ถึงแม้ว่าจะเป็นน้ำแต่มันก็มีความแตกต่างกันมหาสมุทรแอตแลนติกกับมหาสมุทรแปซิฟิกมีความหนาแน่นและลักษณะทางเคมีที่แตกต่างกันเช่นระดับความเค็มและคุณภาพอื่นๆจะเห็นได้ชัดว่าฝั่งนึงมีสีที่แตกต่างอย่างชัดเจนและเขตแดนที่กั้นระหว่างสองมหาสมุทรออกจากการด้วยลักษณะทางกายภาพและชีวภาพที่ต่างกันเรียกว่า โอนเชียน ไคลน์  

           แฮโล ไคลน์  คือพรมแดนระหว่างน้ำที่ระดับความเค็มต่างกัน  มันเป็นสิ่งที่น่าทึ่งที่สุดและนี่คือสิ่งที่ทำให้เรามองเห็นจุดบรรจบกันระหว่างมหาสมุทรแอตแลนติกกับมหาสมุทรแปซิฟิก 

นักสำรวจชื่อดัง  ฌาคส์ กุสโต ค้นพบสิ่งนี้ในขณะที่เขากำลังดำน้ำลึกอยู่ในช่องแคบยิบรอลต้า ชั้นของน้ำที่มีความเค็มต่างกันจึงจะถูกแบ่งด้วยฟิล์มใสและแต่ละชั้นก็มีพืชและสัตว์อาศัยอยู่เป็นของตัวเอง 

         แฮโล ไคลน์   เกิดขึ้นเมื่อน้ำในมหาสมุทรโดยทะเลมีความเข้มอย่างน้อยมากกว่า 5 เท่าของน้ำในอีกด้านนึง  คุณสามารถทดลองสร้าง แฮโล ไคลน์  ได้ที่บ้านโดยการเทน้ำทะเลหรือน้ำเกลือผสมสีลงในแก้วจากนั้นเติมน้ำจืดตามลงไปแต่ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือ แฮโล ไคลน์  ของคุณจะเกิดขึ้นในแนวนอน แต่ในมหาสมุทรมันเกิดขึ้นในแนวตั้ง

         ถ้าหากจำหลักฟิสิกส์พื้นฐานได้คุณอาจจะเถียงว่าของเหลวที่มีความหนาแน่นมากกว่าจะอยู่ใต้ของเหลวที่มีความหนาแน่นน้อยกว่า หากนั้นเป็นความจริงเหตุการณ์ระหว่างมหาสมุทรทั้งสองไม่น่าจะมีลักษณะเป็นแนวตั้งเป็นแนวนอนและความแตกต่างระหว่างความเค็มของพวกมันยิ่งน้อยลงเท่าไหร่มันก็จะไหลมารวมกันมากเท่านั้น แล้วทำไมมันถึงได้เป็นแบบนั้น  

         ประการแรกความแตกต่างของความหนาแน่นของน้ำในมหาสมุทรทั้งสองนั้นไม่ได้ชัดเจนจนทำให้ฝ่ายนึงจมอยู่ข้างใต้และทำให้อีกฝ่ายหนึ่งรออยู่ข้างบน

แต่ก็ยังไม่ถึงกับทำให้พวกมันผสมรวมกัน  ส่วนประการที่สองคือแรงเฉื่อย  หนึ่งได้รับเฉื่อยที่รู้จักกันในชื่อแรงคอริออลิสคือแรงที่มีอิทธิพลต่อวัตถุเมื่อพวกมันเคลื่อนที่ในระบบของแกนกลางซึ่งในทางกลับกันเองก็เคลื่อนไหวด้วยเช่นกัน  พูดง่ายๆก็คือโลกของเรากำลังหมุนเพราะว่าทุกอย่างบนโลกก็จะถูกแรงโคริโอลิสเบี่ยงเบนไปจากทิศทางของมัน ผลที่ตามมาคือวัตถุบนพื้นผิวโลกจะไม่ได้เคลื่อนที่ตรงไปข้างหน้า

      ในซีกโลกเหนือมันจะถูกเปลี่ยนเป็นไปในทิศทางตามเข็มนาฬิกาและทวนเข็มนาฬิกาในซีกโลกใต้  แต่โลกกำลังเคลื่อนไหวอย่างช้าๆมันใช้เวลาทั้งวันในการหมุนรอบแกนตัวเองนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดผลกระทบจาก คอริออลิส  เราจะสามารถเห็นได้ชัดในช่วงเวลาที่ยาวนานเท่านั้นเช่นเมื่อมีพายุไซโคลนหรือทางมหาสมุทรนี่เป็นเหตุให้ทิศทางของการไหลของมหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรแปซิฟิกและแตกต่างกันดังนั้นมันจึงไม่ไหลมารวมกัน

 

สนับสนุนโดย    ufabet

ประวัติวัดเทพธิดารามวรวิหาร กรุงเทพฯ 

Published / by admin

สำหรับประวัติความเป็นมาของ วัดเทพธิดารามวรวิหาร งั้นว่ากันว่ามีการสร้างมาตั้งแต่สมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 ซึ่งพระองค์นั้นเป็นคนที่สั่งให้มีการสร้างวัดดังกล่าวขึ้น โดยวัดนั้นถูกสร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อปีพ.ศ 2379 ซึ่งจุดประสงค์ของการสร้างวัดแห่งนี้นั้นจะเป็นการเฉลิมพระเกียรติให้กับพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหมื่นอักษรสุดาเทพซึ่งเป็นพระราชธิดาองค์ใหญ่ของรัชกาลที่ 3 นั่นเอง

ประวัติวัดเทพธิดารามวรวิหาร โดยใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ 3 ปีจึงสามารถแล้วเสร็จได้ ซึ่งปัจจุบันวัดแห่งนี้มีอายุเก่าแก่มากกว่า 100 ปีมาแล้ว

สำหรับวัดเทพธิดารามวรวิหาร  แห่งนี้จัดเป็นวัดพระอารามหลวงชั้นตรีซึ่งว่ากันว่าตามประวัติของการก่อสร้างวัดแห่งนี้นั้นมีการใช้ที่ดินที่แต่ก่อนนั้นเป็นเครื่องส่วนไร่นา  มาใช้ในการก่อสร้างโดยมีการสันนิษฐานกันว่าที่ดินดังกล่าวนั้นน่าจะเป็นของเจ้าพระยาไกรหรืออาจจะเป็นที่ดินของเจ้านายหรือขุนนางท่านใดท่านหนึ่งก็ได้ แล้วได้นำที่ดินมาถวายให้กับพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวหลังจากนั้นพระองค์จึงได้มีการโปรดให้มีการก่อสร้างวัดแห่งนี้ขึ้น

สำหรับจุดเด่นของ วัดเทพธิดารามวรวิหาร  นั่นก็คือความสวยสดงดงามของสถาปัตยกรรมในการก่อสร้างซึ่งที่เด่นที่สุดของ วัดเทพธิดารามวรวิหาร  แห่งนี้นั้นก็คือพระปรางค์โดยจะเห็นได้ว่าได้รับการออกแบบและการก่อสร้างมาจากช่างฝีมือที่มีความชำนาญเป็นอย่างมาก

เพราะออกแบบได้สวยสดงดงามเป็นศิลปะในช่วงสมัยของรัชกาลที่ 3 ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเพราะยุคดังกล่าวนั้นเป็นยุคที่ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะจีน   

นอกจากนี้ยังมีการก่อสร้างพระอุโบสถซึ่งมีสถาปัตยกรรมที่งดงามเช่นเดียวกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งผนังด้านในของพระอุโบสถนั้นมีการวาดภาพซึ่งเป็นแบบอย่างเฉพาะของสมัยรัชกาลที่ 3 เท่านั้นโดยเป็นภาพรูปพุ่มข้าวบิณฑ์   ที่สำคัญองค์พระประธานที่ประดิษฐานอยู่ภายในด้านในของอุโบสถนั้น เป็นพระประธานปรางมารวิชัย ชื่งหลวงพ่อขาว ซึ่งชาวบ้านให้ความเคารพนับถือกันเป็นอย่างมาก 

นอกจากนี้ วัดเทพธิดารามวรวิหาร   ยังมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ โดยมีการบันทึกเอาไว้ว่าในช่วงระหว่างปีพ.ศ 2383-2,385 นั้นสถานที่วันแห่งนี้นั้นเคยเป็นที่พำนักของกวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ซึ่งปัจจุบันทุกคนรู้จักชื่อเสียงของกวีเอกท่านนี้กันเป็นอย่างดีเพราะเป็นบุคคลในตำนานที่ได้รับการยกย่องนับถือว่าเป็นกวีเอกอันดับ 1 ของไทยซึ่งท่านก็คือสุนทรภู่นั่นเอง

โดยถูกระบุว่าวัดเทพธิดารามวรวิหาร  เคยเป็นที่บวชพระภิกษุสงฆ์สมัยที่สุนทรภู่ยังออกบวช   และมีหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ว่าสุนทรภู่เคยบวชอยู่ที่วัดแห่งนี้ซึ่งก็มีกุฏิหลังหนึ่งที่ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ชื่อว่าบ้านกวีนั่นเอง

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ufabet

วัฒนธรรมของญี่ปุ่น สมัยโบราณ ที่โด่งดัง และน่าสนใจ

Published / by admin

วัฒนธรรมของญี่ปุ่นในสมัยโบราณมีความเป็นเอกลักษณ์และมีผลกระทบที่สำคัญต่อการพัฒนาวัฒนธรรมของประเทศนี้ สมัยโบราณของญี่ปุ่นสามารถแบ่งออกเป็นระยะเวลาต่าง ๆ ตามประวัติศาสตร์และการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม

1.ยุคโจมง (Jomon Period, 10,000–300 ปีก่อนคริสตกาล): ช่วงนี้เป็นระยะเวลาที่มีวัฒนธรรมล้ำค่าต่ำที่ทำกลุ่มคนสำรวจเพื่อตามล่าและเก็บเกี่ยวอาหาร ผู้คนในยุคโจมงมีวัฒนธรรมที่มีลักษณะพิเศษในการปั้นดินเผาและการสร้างศิลปะ

2.ยุคยาโยอิ (Yayoi Period, 300 ปีก่อนคริสตกาล – 300 คริสตกาล): ช่วงนี้เป็นระยะเวลาที่มีการติดต่อกับศิลปะและวัฒนธรรมจีน การปลูกข้าวและการใช้เครื่องมือทำแหล่งน้ำและการขุดคลองเป็นลักษณะที่สำคัญในยุคนี้

3.ยุคโคฟุง (Kofun Period, 300–710 คริสตกาล): ช่วงนี้มีการสร้างโบราณสถานที่ที่เรียกว่า “โคฟุง” ซึ่งเป็นหลุมหลังคาทรงกระบวนท่าทางศีลธรรมและทางการทหาร

4.ยุคอาซูกะ (Asuka Period, 538–710 คริสตกาล): ช่วงนี้มีการนำเข้าศิลปะและวัฒนธรรมจีนมาในญี่ปุ่น รวมทั้งการนำเข้าพระพุทธศาสนาโรมันทามาจากประเทศบนสายทางทะเลไประเทศญี่ปุ่น

5.ยุคนาระ (Nara Period, 710–794 คริสตกาล): ช่วงนี้มีการสร้างกรุงนาระที่เป็นเมืองหลวงแรกของญี่ปุ่น นานาภาษาและวรรณกรรมญี่ปุ่นเริ่มพัฒนาขึ้น

 ในสมัยโบราณเหล่านี้ วัฒนธรรมญี่ปุ่นได้รับความกระทบจากสังคมและวัฒนธรรมของจีนและการแลกเปลี่ยนกับประเทศใกล้เคียง แต่พัฒนาเป็นรากฐานของวัฒนธรรมที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นเอง

จุดเด่นของวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ที่น่าสนใจ

วัฒนธรรมของญี่ปุ่นมีจุดเด่นหลายประการที่ทำให้นักท่องเที่ยวและผู้ศึกษาทั่วโลกสนใจ นี่คือบางจุดเด่นที่น่าสนใจของวัฒนธรรมญี่ปุ่น

1.ศิลปะและการออกแบบ: ญี่ปุ่นมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานในการพัฒนาศิลปะและการออกแบบทั้งในด้านอาคาร การประดับ และศิลปกรรม การเรียนรู้จากศิลปะชินโต การทำบุญทางศิลปะและการใช้สัญลักษณ์ที่มีความหมายลึกซึ้งเป็นลักษณะที่แสดงถึงความวิบัติของวัฒนธรรมนี้

2.สวนญี่ปุ่น: สวนญี่ปุ่น (หรือ ซากุระ) เป็นหนึ่งในลักษณะที่สำคัญของวัฒนธรรมญี่ปุ่น การออกแบบที่มีความสวยงามและการให้ความสำคัญกับธรรมชาติทำให้สวนญี่ปุ่นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและส่วนตัวที่น่าสนใจ

3.ศาสนาชินโต: ชินโตเป็นศาสนาที่สำคัญในวัฒนธรรมญี่ปุ่น ศาสนานี้มีกรรมวิธีและความเชื่อที่เน้นความสงบและความปรารถนาดี นักท่องเที่ยวมักได้ทดลองปฏิบัติและสัมผัสกับกิจกรรมทางศาสนาที่สถานที่บูชา

4.ความเป็นมันส์และโอตาคุ: ญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมของความเป็นมันส์และความสนุกสนาน ที่ประกอบด้วยงานเฉลิมฉลอง เทศกาลและกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่ทำให้คนสนุกสนานและร่วมสนุก

5.อาหาร: อาหารญี่ปุ่นมีชื่อเสียงทั่วโลก ด้วยความหลากหลายของอาหารทะเล ซูชิ ราเม็งและข้าวปั้น ซึ่งนำเสนอแนวคิดของความสมดุลและความสดชื่น

นี่เป็นแค่บางลักษณะที่ทำให้วัฒนธรรมของญี่ปุ่นน่าสนใจและเป็นที่นับถือทั้งในประเทศและต่างประเทศ

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ufabet

แนะนำ เที่ยวประเพณีการไหลเรือไฟจังหวัดนครพนม

Published / by admin

          ในทุกๆปีจังหวัดนครพนมจะมีการจัดประเพณีอย่างยิ่งใหญ่ซึ่งจะต้องอยู่กับช่วงเทศกาลวันออกพรรษาโดยจะมีการจัดบริเวณริมแม่น้ำโขงซึ่งจุดที่มีการจัดงานนั้นจะจัดบริเวณศาลากลางประจำจังหวัด   โดยประเพณีนี้นักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากจะพากันเดินทางเพื่อไปร่วมงานซึ่งจะมีการจัดกิจกรรมมหกรรมไหลเรือไฟซึ่งถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์อันเก่าแก่และล้ำค่าประจำจังหวัดเลย

เที่ยวประเพณีการไหลเรือไฟ ก็ว่าได้และเป็นอีกหนึ่งอย่างที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและคนต่างประเทศให้ไปชมความงดงามของประเพณีและวัฒนธรรมของชาวจังหวัดนครพนมกัน 

         สำหรับความยิ่งใหญ่อลังการน่าตื่นตาตื่นใจของประเพณีไหลเรือไฟของจังหวัดนครพนมนั้นมีเกิดขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 ซึ่งแม่น้ำโขงยามค่ำคืนจะมีความสวยงามเนื่องจากว่าจะสว่างไสวจากไฟที่มีการประดับประดาบนเรือซึ่งมีการสร้างเรือให้ลอยไปตามแม่น้ำตามความเชื่อของคนในสมัยโบราณที่เชื่อกันว่าเป็นการบูชาพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในแม่น้ำโขง

ซึ่งชาวบ้านจะมีการนำเรือมาล่องกลางแม่น้ำโขงและนำตะเกียงนักเหมือนดวงและดวงไฟนับพันดวงมาประดับประดาเป็นรูปทรงต่างๆทำให้เกิดความสวยงามซึ่งเกิดจากความศรัทธาของประชาชนชาวจังหวัดนครพนมและนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเยี่ยมชมความงดงาม 

         อย่างไรก็ตามผู้คนให้ความสำคัญเกี่ยวกับประเพณีการไหลเรือไฟเป็นอย่างมากเพราะเชื่อว่ายิ่งมีการประดับประดาเรือไฟให้มีความสวยงามสว่างช่วยมากแค่ไหนก็จะยิ่งทำให้ประสบความสําเร็จในชีวิตและชีวิตแต่มีแต่ความรุ่งโรจน์สว่างไสวมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นประเพณีการไหลเรือไฟจึงถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดนครพนมเลยก็ว่าได้

         นอกจากนี้ประเพณีการไหลเรือไฟยังเป็นตัวดึงดูดให้นักท่องเที่ยวต่างเดินทางมาเที่ยวที่จังหวัดนครพนมในช่วงเทศกาลวันออกพรรษาเพราะว่าประเพณีการไหลเรือไฟนั้น

เป็นประเพณีที่มีความงดงามและยังมีกิจกรรมอื่นๆให้นักท่องเที่ยวทำอีกเยอะแยะมากมายซึ่งในแต่ละปีนั้นก็จะมีคนสร้างเรือไฟที่มีแนวความคิดสร้างสรรค์แตกต่างกันในแต่ละปีมาประชันขันแข่งกันว่าของใครนั้นจะมีความงดงามมากกว่ากัน 

        อย่างไรก็ตามการจัดประเพณีการไหลเรือไฟนั้นยังมีกิจกรรมอื่นๆอีกเยอะแยะมากมายทั้งการออกบูธการแสดงต่างๆที่แสดงให้เห็นถึงศิลปะวัฒนธรรมของจังหวัดนครพนมดังนั้นหากใครมีเวลาว่างก็สามารถเดินทางไปเที่ยวที่จังหวัดนครพนมในช่วงเวลาดังกล่าวได้ ซึ่งโดยปกติแล้วทางจังหวัดนครพนมจะมีการจัดประเพณีการไหลเรือไฟประมาณ 7 วันโดยมีกิจกรรมทั้งกลางวันและช่วงเวลากลางคืนเลยทีเดียว

 

สนับสนุนเนื้อหาจาก    ufabet

เป็นไปได้ที่จะมีชีวิตทางสังคมที่ไม่ได้ถูกกำหนด

Published / by admin

ชีวิตทางสังคมที่ไม่ได้ถูกกำหนด “เกาหลีขาดวัฒนธรรมในการพูดคุยกันเพราะกลัวว่าจะถูกล่วงล้ำ โดยเฉพาะกับคนแปลกหน้า” โกกล่าว “เมื่อฉันเปิดร้านซาลอนครั้งแรก คำถามที่ฉันได้รับจากลูกค้าบ่อยที่สุดคือ

‘ฉันจะพูดคุยกับคนแปลกหน้าได้อย่างไร’” หัวข้อสนทนาใหม่ๆ จะถูกนำเสนอทุกสามเดือนและมีการพูดคุยกันในสถานที่ที่ใกล้ชิด เช่น การสัมมนาแบบโสคราตีส ค่ำคืนแห่งการอ่าน Go อธิบายว่าเป็นแพลตฟอร์มความคิดทางสังคมที่สมาชิกแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้อย่างอิสระ ที่ชวิฮยังวาน ผู้คนไม่ได้รับการสนับสนุน และจริง ๆ แล้วไม่ควรระบุอายุของพวกเขาในแบบฟอร์มการลงทะเบียน

ซึ่งเป็นคำแนะนำที่ผิดปกติเนื่องจากกระบวนการสมัครงานของชาวเกาหลีที่สอดรู้สอดเห็นอย่างไร้ยางอายเป็นอย่างไร ในระหว่างการประชุมร้านเสริมสวย สมาชิกจะอ้างถึงกันและกันโดยใช้ชื่อเล่นที่เป็นมิตรและไม่เปิดเผยชื่อจริงหรืออาชีพของพวกเขา Go กล่าวว่าผู้เข้าร่วมมีตั้งแต่นักศึกษาที่อยากรู้อยากเห็นไปจนถึงผู้ที่มีอายุ 50 ปี

โดยปกติแล้ว สังคมเกาหลีจะกำหนดล่วงหน้าว่าคุณควรปฏิบัติตัวอย่างไรและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นตามป้ายกำกับเหล่านี้” Go กล่าว “แทนที่จะเป็นป้ายกำกับ การแนะนำกันและกันคือวิธีคิดของเรา คุณไม่ค่อยเจอคนแบบนี้ในเกาหลี”

พูดถึงเรื่องเงิน พื้นที่เช่นนี้กำลังพยายามทำให้ความสัมพันธ์ทางสังคมเป็นประชาธิปไตยในเกาหลีใต้ ซึ่งพลวัตของกลุ่มส่วนใหญ่ยึดถือตามสคริปต์ที่เข้มงวดซึ่งกำหนดว่าเมื่อใดที่คนเกาหลีรุ่นใหม่ต้องบรรลุเป้าหมายชีวิตบางอย่าง ในปีที่ผ่านมา จำนวนสถานประกอบการประเภทนี้เพิ่มขึ้นในเกาหลีใต้

ในความเป็นจริงแล้ว พื้นที่เหล่านี้ไม่สามารถเข้าถึงได้สำหรับหนุ่มสาวชาวเกาหลีจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ที่มาจากครัวเรือนที่มีเศรษฐกิจสังคมต่ำ และอาจเป็นไปได้ว่าอาจต้องการพื้นที่นี้มากที่สุด

อย่างไรก็ตาม ด้วยจำนวนประมาณ 82% ของเยาวชนเกาหลีใต้ที่ใช้โซเชียลมีเดีย คนรุ่นมิลเลนเนียลชาวเกาหลีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่มาจากครอบครัวที่มีรายได้น้อยเริ่มเข้ามาแทนที่ปฏิสัมพันธ์ในชีวิตจริงด้วยสื่อดิจิทัลเมื่อถึงจุดหนึ่ง พวกเขาตระหนักว่าไม่ต้องเสียเงินหรือพลังงานไปกับการเข้าสังคม” ฮากล่าว “แต่ความพึงพอใจที่พวก

เขาได้รับจากการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้รายอื่นทางออนไลน์นั้นมีขีดจำกัด… หลายคนจบลงด้วยความรู้สึกซึมเศร้าที่เพิ่มมากขึ้นหลังจากถูกแยกทางร่างกายเป็นระยะเวลานาน”

การเข้าสังคมมักผูกติดอยู่กับเงินและเป็นภาระมากกว่าความสุข ความเหงาเกิดจากความปรารถนาที่จะพบและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน เขากล่าว บุคคลที่มีกำลังเงินและพลังงานที่จะแสวงหาพื้นที่อย่างร้านเสริมสวยและ Don’t Worry Village สามารถต่อสู้กับความเหงานั้นได้ ซึ่งแตกต่างจากผู้ที่ไม่มีวิธีการทำเช่นนั้นและอาจตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าและความโดดเดี่ยวทางสังคม

ความทุกข์ในความเงียบ คนรุ่นมิลเลนเนียลชาวเกาหลีกำลังพลิกโฉมหน้าโต๊ะและเปลี่ยนแปลงพลังขับเคลื่อนของสถานที่ทำงานและการตั้งค่าทางสังคม และในขณะที่สังคมต้องยอมรับว่าความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมในระดับภูมิภาคและลึกล้ำในประเทศ ก็มีการเปลี่ยนแปลงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนหนุ่มสาวชาวเกาหลีสนับสนุนตนเองอย่างไร

ในกรณีของคิมรีโอ การเปิดรับช่องว่างระหว่างเพศในที่ทำงานเป็นตัวเร่งให้เธอมองเห็นภาพรวมมากขึ้น “เป็นความจริงที่ถูกมองข้ามว่าผู้ชายในสื่อสิ่งพิมพ์มีรายได้เฉลี่ย 200,000 วอน ($ 173 หรือ 130 ปอนด์) ต่อเดือนมากกว่าเพื่อนร่วมงานหญิง” เธอกล่าว “แต่ไม่มีใครพูดอะไร และดูเหมือนว่าฉันจะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เลย ฉันก็เลยจากไป ฉันรู้ว่าฉันไม่ต้องทนทุกข์ทรมานแบบนี้อีกต่อไป” รัฐบาลของเกาหลีใต้ได้สังเกตเห็นความเป็นจริงที่น่ากลัวนี้ ในปี 2018 สภาแห่งชาติผ่านกฎหมายที่จะลดชั่วโมงการทำงานสูงสุดต่อสัปดาห์ลงอย่างมากจาก 68 ชั่วโมงเหลือ 52 ชั่วโมง

โดยหวังว่าจะปรับปรุงมาตรฐานการครองชีพ แต่การเปลี่ยนแปลงก็ดูเหมือนจะเกิดขึ้นเอง อัตราการลาออกหลังจากทำงานเป็นเวลาหนึ่งปีในบริษัทแห่งหนึ่งถึงจุดสูงสุดที่ 28% ในปี 2018 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ท้าทายแนวคิดดั้งเดิมของเกาหลีเกี่ยวกับ “สถานที่ทำงานตลอดชีพ” ไม่ว่าในกรณีใด คนหนุ่มสาวชาวเกาหลีเข้าใจว่าความทุกข์ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นสำหรับความสำเร็จอีกต่อไป แทนที่จะทนอยู่เฉย ๆ พวกเขากลายเป็นผู้เขียนเรื่องราวของตนเอง

 

สนับสนุนโดย  ufabet

การตั้งอาณาจักรนิคมนิวเนเธอร์แลนด์ของดัช

Published / by admin

ยุโรปกับเอเชียมีการติดต่อค้าขายกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยใช้เส้นทางสามสายคือ หนึ่งสายเหนือเดินเรืออกจากอิตาลีข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเรียบชายฝั่งตะวันออกทะเลดำผ่านที่ราบของเอเชียกลางมาถึงจีน สองสายกลางเดินเรืออกจากอิตาลีข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

อาณาจักรนิคมนิวเนเธอร์แลนด์ของดัช ล่องเรือไปตามแม่น้ำไทกรีสยูเฟรตีสออกสู่อ่าวเปอร์เซียเรียบชายฝั่งตะวันตกของอินเดียข้ามอ่าวเบงกอลเรียบชายฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ขึ้นไปทางตอนเหนือของจีน และ สามสายใต้เดินเรืออกจากอิตาลีข้ามทะเลเมดิเตอรเรเนียนผ่านทะเลดำข้ามทะเลอาหรับ เรียบชายฝั่งตะวันเฉียงใต้ของอินเดียข้ามอ่าวเบงกออลและเรียบชายฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขึ้นไปทางตอนเหนือถึงจีนในศตวรรษที่15 เติร์กได้เข้ามายึดครองเส้ยทางการค้าบริเวณช่องแคบบอสฟอรัสที่เป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างยุโรปกับเอเชียประกอบกับพ่อค้าชาวอิตาเลียนได้เก็บค่าผ่านทางสูงและมีการปล้นสินค้ากันอยู่บ่อยครั้ง

ทำให้เส้นทางนี้เกิดความสะดวกเป็นเหตุทำให้ชาวยุโรปต้องหาเส้นทางการค้าใหม่มายังเอเชียโปตุเกสเป็นชาติยุโรปชาติแรกที่ประสบความสำเร็จในการค้นพบเส้นทางการเดินเรือมายังเอเชียโดยเดินเรือเรียบชายฝั่งทางด้านตะวัตกของแอฟริกามุ่งลงใต้อ้อมแหลมกุ่มโฮปข้ามมหาสมุทรอินเดียและเข้าเทียบท่าที่เมืองอินเดีย

นอกจากนี้ สเปน เป็นชาติที่สองที่ค้นหาเส้นทางการเดินเรือ โดย คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส เส้นเรือมาทางทิศตะวันตกทั้งหมด 4 ครั้งและได้พบกับหมู่เกาะคิวบา หมู่เกาะฮิซพพานนิโอลา หมู่เกาะลีวอด หมู่เกาะเปอร์โตริโก  เวเนซูเอลา ฮอนดุรัส และ ปานามา 

ซึ่งคริสโตเฟอร์ โคลัมบัสเข้าใจว่าบริเวณที่ค้นพบนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเอเชีย ภายหลัง อเมริกา เวสปุชชี ได้เข้าไปสำรวจตามเส้นทางของ โคลัมบัส และได้ยืนยันว่าดินแดนแห่งนี้คือโลกใหม่พื้นที่ตรงนี้จึงมีชื่อว่าอเมริกาเพื่อเป็นเกียรติให้แก่อเมริโก เวสปุชชี 

การค้นพบของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัสเป็นแรงจูงใจให้ชาวยุโรปชาติอื่นๆเข้ามาสำรวจและตั้งอาณานิคมในทวีปอเมริกาอังกฤษเป็นชาติที่สามตั้งอาณานิคมบริเวณชายฝั่งตะวันออกของอเมริกาเหนือเรียกว่านิวองแลนด์ ฝรั่งเศสเป็นชาติที่4 ตั้งอาณานิคมบริเวณทะเลสาปทั้ง5และลุ่มแม่น้ำเซนต์ลอว์เรนซ์เรีนกว่านิวเฟรน

เนื่องจากนี้ ดัช ถือเป็นชาติที่5 ตั้งอาณานิคมบริเวณลุ่มแม่น้ำวัตสันเรียกว่า นิวเนเธอร์แลนด์ ในบรรดาชาติยุโรปทั้งหมดดัชก็เป็นอีกชาติหนึ่งที่เข้ามาสำรวจและมีอาณานิคมแห่งแรกอยู่ทางทิศตะวันออกของทวีปอเมริกาเหนือบริเวณลุ่มแม่น้ำวัตสันจากนั้นได้ขยายอาณานิคมไปทางตะวันตกถึงทะเลสาบอิรีทะเลสาบออนแทริโอและได้ขยายอาณานิคมไปทางทิศใต้ถึงอ่าวเดลาแวร์เรียกดินแดนแห่งนี้ว่า นิวเนเธอร์แลนด์

 

สนับสนุนโดย    ufabet

ประวัติกีฬาบาสเกตบอล 

Published / by admin

      ประวัติกีฬาบาสเกตบอล   เมื่อพูดถึงกีฬาบาสเกตบอลเชื่อว่าหลายคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดีโดยเฉพาะบรรดานักศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาและระดับมหาวิทยาลัยเพราะเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

รองลงมาจากกีฬาฟุตบอลนั่นเอง   สำหรับกีฬาบาสเกตบอลที่เล่นกันอยู่ในประเทศไทยนั้นคุณรู้หรือไม่ว่าแท้ที่จริงแล้วกีฬาชนิดนี้ไม่ใช่กีฬาที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศไทยแต่กีฬาชนิดนี้มีต้นกำเนิดมาจากต่างประเทศโดยประเทศที่มีการเริ่มเล่นกีฬาชนิดนี้และนำมาเผยแพร่ให้กับประเทศไทยนั้นเป็นพวกชาวอเมริกัน 

       สำหรับกีฬาบาสเกตบอลนั้นเป็นการเล่นกีฬาที่ต้องใช้ผู้เล่นเป็นจำนวนมากแต่ก็ไม่เท่ากับจำนวนผู้เล่นของการแข่งขันฟุตบอลสำหรับการแข่งขันฟุตบอลนั้นจะมีผู้เล่นอยู่ฝ่ายละ 11 คนแต่ในขณะที่กีฬาบาสเกตบอลนั้นจะมีการกำหนดผู้เล่นที่อยู่ในสนามนั้นเพียงแค่ฝ่ายละ 5 คนเท่านั้นและยังสามารถมีตัวสำรองที่จะเอาไว้เปลี่ยนได้ซึ่งตัวสำรองนั้นสามารถมีเก็บไว้เป็นตัวสำรองสูงสุดในทีมได้มากถึง 7 คนเลยทีเดียว 

     สำหรับการเล่นกีฬาบาสเกตบอลนั้นมีวิธีการเล่นที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเองและไม่มีความเหมือนกับกีฬาประเภทไหนโดยลักษณะของการเล่นนั้นนักกีฬาทั้งสองฝ่ายจะต้องมีการแย่งลูกบอลลูกเดียวเพื่อเอาไปชุดห่วงของฝ่ายฝั่งตรงข้าม  ซึ่งผลฟุตบอลนั้นจะมีการแขวนเอาไว้โดยลักษณะของการนำเสาเหล็กมาตั้งแล้วเอาหัวไปติดเอาไว้มีความสูงเหนือกว่าผู้เล่นและการได้คะแนนในการชูตลูกบาสบอลลงห่วงแต่ละรูปนั้นก็จะขึ้นอยู่กับระยะทางใกล้หรือไกลด้วยคะแนนแต่ละลูกจะไม่เท่ากัน

          อย่างไรก็ตามว่ากันว่าสำหรับต้นกำเนิดกีฬาบาสเกตบอลอย่างแท้จริงนั้นเกิดขึ้นในช่วงประมาณปีพ.ศ 2434 โดยเกิดขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและกีฬาชนิดนี้ถือกำเนิดมา

โดยเกิดขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและกีฬาชนิดนี้ถือกำเนิดมาที่จากรัฐMaxus ซึ่งเป็นรัฐแห่งหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกาและต้นกำเนิดที่แท้จริงนั้นเกิดจากครูอาจารย์คนหนึ่งที่อยากจะมีการจัดการแข่งขันกีฬาในโรงเรียนของตนเองแต่ต้องการจัดการแข่งขันกีฬาเป็นประเภทกีฬาในห้องหรือในร่มเนื่องจากว่าในช่วงที่มีการจัดการแข่งขันกีฬานั้นตรงกับช่วงฤดูหนาวซึ่งมันจะมีหิมะตกอากาศจะเย็น

         ดังนั้นอาจารย์ท่านนี้จึงอยากที่จะให้นักเรียนนั้นได้มีการเล่นกีฬาภายในร่มจึงได้มีการคิดค้นกีฬาบาสเกตบอลขึ้นมาโดยโรงเรียนดังกล่าวนั้นเป็นโรงเรียนคนงานคริสเตียน  ตั้งอยู่ในเมืองสปริงฟิลด์และอาจารย์ที่คิดค้นกีฬาชนิดนี้ขึ้นมาก็คือดอกเตอร์ เจมส์ ไนสมิท นั่นเอง 

สำหรับปัจจุบันโรงเรียนนี้ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งปัจจุบันนี้จะถูกเรียกว่าวิทยาลัย springfield ซึ่งถ้าหากใครที่เคยเดินทางไปที่เมืองสปริงฟิลด์ประเทศสหรัฐอเมริกาต้องเคยได้ยินชื่อเมืองนี้กันเป็นอย่างดีซึ่งนี่คือจุดเริ่มต้นของกีฬาบาสเกตบอลที่คนไทยรู้จักและชื่นชอบกันจนถึงทุกวันนี้นั่นเอง 

 

สนับสนุนโดย    ufabet

ประเพณีลากพระและตักบาตรเทโว  ประจำจังหวัดสงขลา 

Published / by admin

         สำหรับในบทความนี้เราจะมาแนะนำเกี่ยวกับประเพณีที่จะมีการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีของจังหวัดสงขลาซึ่งนับได้ว่าเป็นประเพณีที่มีการทำกันมาอย่างยาวนานสืบทอดกัน

ประเพณีลากพระและตักบาตรเทโว รุ่นต่อรุ่นจากคนเฒ่าคนแก่ส่งต่อมายังถึงลูกหลานและปัจจุบันนั้นก็ยังมีการจัดประเพณีกันอย่างยิ่งใหญ่อลังการอยู่และประเพณีก็ยังสามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวที่จังหวัดสงขลาเพื่อมาร่วมงานประเพณีกันอย่างคับคั่งมากมายเลยทีเดียว

     สำหรับประเพณีที่เรากำลังพูดถึงนี้คือประเพณีลากพระและตักบาตรเทโวซึ่งโดยปกติแล้วทางจังหวัดสงขลาจะมีการจัดกิจกรรมประเพณีในช่วงประมาณต้นเดือนตุลาคมซึ่งเป็นช่วงระหว่างวันออกพรรษาโดยจุดที่มีการจัดกิจกรรมประเพณีนี้จะมีตั้งแต่บริเวณสระบัวแหลมสมิหลานอกจากนี้ยังมีการจัดประเพณีนี้แถวบริเวณเชิงบันไดเขาตังกวนและที่หน้าสนามกีฬาติณสูลานนท์ซึ่งถือว่าเป็นสนามกีฬาประจำจังหวัดสงขลาอีกด้วย

ประเพณีลากพระและตักบาตรเทโวนั้นทางเจ้าหน้าที่ประจำจังหวัดจะมีการจัดกิจกรรม 3 วันด้วยกัน

ซึ่งโดยปกติแล้วในวันแรกนั้นจะมีการจัดทำพิธีสมโภชบริเวณสระบัวแหลมสมิหลาซึ่งตรงจุดนี้ชาวบ้านจะพากันมารวมตัวเพื่อทำบุญเป็นการห่มผ้าองค์เจดีย์หลวงเขาตังกวนซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัดสงขลาและเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวจังหวัดสงขลาให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมากเลยทีเดียว 

        อย่างไรก็ตามวันต่อมาชาวบ้านก็จะมีการเดินขบวนมาที่บริเวณหน้าสถานีวิทยุเสียงจากทหารเรือเพื่อทำพิธีแห่ผ้าและเปลี่ยนผ้าห่มขององค์เจดีย์หลวงเขาตังกวนซึ่งกิจกรรมจะเริ่มมีการทำการตั้งแต่ 08:00 น เป็นต้นไปและหลังจากที่เสร็จประเพณีในวันดังกล่าวแล้วชาวบ้านก็จะพากันท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวภายในจังหวัด

         หลังจากนั้นในวันรุ่งขึ้นชาวบ้านก็จะมารวมตัวกันแถวบริเวณเชิงบันไดเขาตังกวนอีกครั้งหนึ่งซึ่งจะมารวมตัวกันตั้งแต่ช่วงเวลา 06:30 น เป็นต้นไป  ufabet   เพื่อร่วมพิธีทำบุญตักบาตรเทโวโดยจะมีพระสงฆ์เป็นจำนวนมากมาคอยยืนรับข้าวสารอาหารแห้งแถวบริเวณเชิงบันไดเขาตังกวนและจะมีการเริ่มตักบาตรกันตั้งแต่ช่วงเวลา 8:30 น เป็นต้นไป 

         หลังจากที่ชาวบ้านทำการตักบาตรและมีการเปิดงานประเพณีลากพระเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะมีการชมกันประกวดเรือพระขบวนแห่เรือพระที่นั่งซึ่งการประกวดนี้จะมีการจัดขึ้นที่บริเวณหน้าสนามกีฬาติณสูลานนท์และในวันสุดท้ายนั้นก็จะเป็นพิธีการมอบรางวัลเรือขบวนที่ชนะการประกวด 

ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติแม่มด

Published / by admin

    ประวัติแม่มด     แม่มดมาจากไหน  ไม่ชัดเจนว่าเมื่อไหร่ที่แม่มดเข้ามาในฉากประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งในบันทึกที่เก่าแก่ที่สุดของแม่มดอยู่ในพระคัมภีร์ในหนังสือพระธรรมซามูเอลพระคริสตธรรมคัมภีร์ฉบับพันธสัญญาเดิมน่าจะเขียนขึ้นระหว่าง 931 ถึง 721 ปีก่อนคริสตกาลเล่าเรื่องราวเมื่อกษัตริย์ซาอุแสวงหาแม่มดแห่งเอนเดอร์เพื่อเรียกวิญญาณของผู้เผยพระวจนะซามูเอลที่เสียชีวิตเพื่อช่วยให้เขาเอาชนะกองทัพฟิลิปปินส์ความคิดเรื่องแม่มดปรากฏขึ้นทีละน้อยทีละน้อยอย่างช้าๆศาสนาคริสต์เองก็มีความพยายามอย่างมากที่จะเอาชนะและเรียกว่าพวกนอกรีดได้กลับทำให้จำนวนแม่มดนั้นเพิ่มขึ้นมากอย่างต่อเนื่อง  

       ไม้กวาดและตำราเวทมนต์ที่แม่มดต้องมี   ไม่มีที่มาที่แน่ชัดว่าหมวกแม่มดมาจากไหนแต่บางทฤษฎีหลักๆก็บอกว่าหมวกของแม่มดนั้นมีรากฐานมาจากการต่อต้านชาวยิวย้อนไปในปี 1215 สภาที่ 4 ของ ลานเดอลัน ซึ่งเป็นสภาที่เรียกประชุมโดยสมเด็จพระสันตะปาปา innocent ที่ 3 ในกรุงโรมกำหนดให้ชาวยิวต้องระบุตัวตนด้วยการสวม ยูเอ็นฮัด รูปทรงกรวย 

         ส่วนยุคกลางนั้นมักจะเชื่อมโยงชาวยิวกับซาตานและคุณลักษณะของชาวยิวในสายตาชาวยุโรปนั้นไม่ค่อยดีนักจึงเอาเข้าไปรวมกับผู้ไม่เชื่อในพระเจ้าคนนอกรีดคนนอกศาสนาและพวกปีศาจ Nike 1431 ประมวลกฎหมายของฮังการีนั้นกำหนดให้ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับเวทมนตร์ครั้งแรกต้องเดินท่ามกลางเพื่อนฝูงโดยสวมหมวกยูฮีที่มียอดแหลมอีกทฤษฎีบอกว่ามาจากการพบมัมมี่หญิง 3 คน

ที่มีอายุอยู่ในช่วงระหว่างศตวรรษที่ 4-2 ก่อนคริสต์ศักราชที่เมืองซูบิชิสาบสูญในประเทศจีนซึ่งทั้ง 3 ถูกกล่าวหาว่าฝึกเวทมนต์จบถูกพบสวมหมวกขนสัตว์ชนิดหนึ่งซึ่งคล้ายกับหมวกของแม่มดแบบดั้งเดิมทำมาจากผ้าสักหลาดสีดำส่วนยอดแหลมจะเร็วสูงเกือบ 60 เซนติเมตร

      ไม้กวาดมีรากฐานมาจากพิธีกรรมแบบนอกรีตซึ่งชาวนาในชนบทจะกระโดดโลดเต้นไปพร้อมไม้กวาดท่ามกลางแสงเดือนเพ็ญเพื่อกระตุ้นการเติบโตของพืชผลไม้กวาดของพวกเขานั้นเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นผู้หญิงและความเป็นคนบ้านนอกตําราไสยเวทย์ของแม่มดรู้จักกันในนาม Grimoire ตัวหนังสือรวมสูตรยาวิเศษวิธีสร้างเครื่องรางของขลัง

รวมไปถึงวิธีการร่ายเวทมนต์การทำเสน่ห์การทำนายทายทักและการเรียกหรือเชิญสิ่งเหนือธรรมชาติ มาเพื่อเรียกใช้งานซึ่งในสมัยโบราณใช้คำว่ากรีมัวร์ในการเรียกหนังสือทุกเล่มที่แต่งเป็นภาษาละตินแต่ในฝรั่งเศสราวศตวรรษที่ 18 เป็นต้นมาก็เริ่มใช้ในความหมายที่เกี่ยวกับหนังสือเวทย์มนต์และได้ใช้ในความหมายนี้ตลอดมา 

 

สนับสนุนโดย.    ufabet