ประวัติเพชร Kohinoor Diamond สุดยอดอัญมณีล้ำค่า

Published / by admin

        Kohinoor Diamond ที่เป็นสมบัติของราชวงศ์มันวะในชมพูทวีปยุโรปราวต้นคริสต์ศตวรรษที่ 14 เชื่อว่าเดิมทีเพชร Kohinoor Diamond เป็นเพียงพลอยประดับอยู่ที่เทวรูปพระกฤษณะก่อนที่จะถูกโจรกรรมและขายผ่านมือมาจนตกเป็นของราชวงศ์มันวะในที่สุดเพชรเป็นอัญมณีที่พิเศษกว่าอัญมณีอื่นๆเนื่องจากบรรดากษัตริย์ผู้มีอำนาจต่างเชื่อกันว่าเป็นเพชร Kohinoor Diamond จะช่วยเสริมบารมีให้แก่ผู้ที่ได้ครอบครองได้

          ในขณะเดียวกันเจ้าของก็มีพันธะที่จะต้องรักษาอำนาจบารมีที่ได้มาให้ตนเองสมกับเป็นผู้ที่ควรจะได้ครอบครองเพชรเม็ดนี้ต่อไปด้วยมิฉะนั้นแล้ว Kohinoor Diamond จะหาทางนำพาตนเองไปสู่มือของผู้ที่ควรกว่าไม่ช้าก็เร็ว Kohinoor Diamond เป็นสมบัติสำคัญสืบทอดอยู่ในราชวงศ์มันวะจนกระทั่งชาวมุสลิมจากตะวันตกเฉียงเหนือสามารถบุกเข้ามาเอาชนะบรรดาเจ้าผู้ครองแคว้นเดิมและสถาปนาราชราชวงศ์โมกุลปกครองอาณาเขต

          เพชรKohinoor Diamond จึงตกเป็นของจักรพรรดิบาบูของราชวงศ์โมกุลจากนั้นก็ถูกส่งต่อเป็นทอดๆในฐานะสมบัติของราชวงศ์ไปจนถึงฌานผู้สร้างทัชมาฮาลเป็นอนุสรณ์แห่งความรักที่ยิ่งใหญ่

         จนมาถึงในช่วงที่ราชวงศ์โมกุลเริ่มเสื่อมอำนาจลงเราไป 1739 กษัตริย์นาดีชายแห่งเปอร์เซียก็ลูกหลานเข้ามาในชมพูทวีปอำนาจเดิมลงและปล้นสะดมสมบัติในคลังไปมากมายมหาศาลรวมทั้งเพชร Kohinoor Diamond  เอาไว้ด้วย   อย่างไรก็ตามอีกเพียง 8 ปีถัดมากษัตริย์ monica ก็ถูกลอบปลงพระชนม์รัชทายาทของนายเดชารับสืบทอดเพชรประจำราชวงศ์

           ต่อมาจนถึงสมัยของพระเจ้าชู้ชัชวาลย์ซึ่งก็เกิดความวุ่นวายขึ้นในราชสำนักเปอร์เซียพระองค์กับพระชายา จนต้องลี้ภัยไปอินเดียทำให้เพชร Kohinoor Diamond  ได้ผลัดแผ่นดินเกิดอีกครั้ง  ขณะนั้นกษัตริย์ของอินเดียคือพระเจ้ารณชิตสิงห์มาทรงได้ยินเรื่องราวของ  Kohinoor Diamond ก็ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เพชรนั้นมา

         จนในที่สุดก็ทรงได้ Kohinoor Diamond มาสมดังพระประสงค์ในปี 1853 และส่งสั่งให้ช่างฝีมือนำไปเจียระไนประดับกำไลข้อมือเพื่อสวมติดพระองค์ตลอดเวลาหลังจากพระเจ้ารณชิตสิงห์สิ้นพระชนม์ลงโลกจึงเข้าสู่ช่วงจักรวรรดินิยม อินเดียเองก็หนีไม่พ้นต้องเสียเอกราชให้แก่อังกฤษและจำต้องส่งมอบ Kohinoor Diamond ให้เป็นเครื่องราชบรรณาการมาถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าวิคตอเรียปี 1850 ซึ่งมหาจักรพรรดิ์แห่งสหราชอาณาจักรได้โปรดให้นำเพชรเม็ดงามขึ้นปรับมงกุฎมงกุฎดังกล่าวได้รับการเก็บรักษาไว้ที่ Tower of London จนถึงทุกวันนี้ 

       สำหรับใครที่อยากชมความสวยงามของอัญมณีดังกล่าวนั้น คงจะหาดูได้จากอินเตอร์เน็ตเพียงเท่านั้นเพราะเพชรเม็ดนี้มีการเก็บรักษาเอาไว้อย่างดี และไม่เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้มีโอกาสได้ชมความงาม

 

สนับสนุนโดย.    สมัคร บาคาร่า ufabet

มหาพีระมิดแห่งกีซา

Published / by admin

   มหาพีระมิดของกษัตริย์ครูฟูตั้งอยู่ตรงบริเวณริมแม่น้ำตะวันตกของแม่น้ำไนล์ในประเทศอียิปต์โดยมหาพีระมิดแห่งนี้นั้นมีอายุประมาณ 2690 ปีก่อนคริสตกาลหรืออาจจะกล่าวได้ว่าอาจจะมีความเก่าแก่มากกว่านั้นก็ได้  สำหรับมหาพีระมิดแห่งกีซาแห่งนี้นั้นนับได้ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์เพียงอย่างเดียวที่เก่าแก่ที่สุดและสภาพยังคงมีความสมบูรณ์มาจนถึงปัจจุบันนี้

       สำหรับมหาพีระมิดแห่งกีซาแห่งนี้นั้นว่ากันว่าใช้สำหรับเป็นที่เก็บรักษาพระศพฟาโรห์คูฟูซึ่งมีการสร้างขึ้นด้วยก้อนหินคอนไซน์รูปทรงสี่เหลี่ยมประกอบกันมากกว่า 2.3 ล้านก็เลยทีเดียวว่ากันว่าตามประวัติความเป็นมาของการสร้างพีระมิดแห่งกีซาแห่งนี้นั้นต้องใช้ระยะเวลาในการสร้างค่อนข้างยาวนานมากโดยว่ากันว่ากว่าจะสร้างเสร็จนั้นก็เป็นระยะเวลากว่า 20 ปีกันเลยทีเดียวนอกจากนี้ยังต้องสูญเสียผู้คนต้องใช้แรงงานในการก่อสร้างพีระมิดในครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 1 แสนคนอีกด้วย

       สำหรับในปัจจุบันนี้มหาพีระมิดแห่งกีซาแห่งนี้นั้นยังคงเป็นปริศนาที่ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าในยุคสมัยโบราณนั้นมีการสร้างพีระมิดที่มีความสวยงามและรูปแบบใหญ่โตนี้ได้อย่างไร

เพราะจะเห็นได้ว่าการสร้างพีระมิดนั้นจะต้องใช้หินแต่ละก้อนซึ่งถ้าดูจริงๆแล้วหินแต่ละก้อนนั้นมีน้ำหนักหลายตันเลยทีเดียวเพราะเห็นในการสร้างพีระมิดนั้นมีขนาดหลายไซส์ด้วยกันทั้งชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ซึ่งขนาดใหญ่ที่สุดนั้นมีน้ำหนักมากถึง 200 เมตริกตันหรือถ้าหากเทียบเท่าแล้วก็เท่ากับเรือไททานิค 1 ลำเลยทีเดียว

         แน่นอนว่าถ้าหากว่าใช้เทคโนโลยีในปัจจุบันนี้เราสามารถสร้างพีระมิดใช้ระยะเวลาเพียงไม่นานเท่านั้นแล้วก็สร้างได้ขนาดใหญ่โตมโหฬารเท่าไหร่ก็ได้แต่ในสมัยโบราณนั้นที่ยังไม่มีอุปกรณ์ต่างๆที่จะสามารถใช้ในการก่อสร้างได้มากมายแบบนี้ทำให้หลายคนนั้นเกิดความสงสัยว่าอุปกรณ์ชิ้นไหนกันแน่หรือเทคโนโลยีแบบไหนกันแน่ที่สามารถสร้างมหาพีระมิดแหย่ยิ่งใหญ่มหาศาลแบบนี้ได้

       อย่างไรก็ตามมีหลักฐานเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่สามารถบอกเราได้ว่าการสร้างมหาพีระมิดนี้มีการใช้แรงงานคนในการขนย้ายก้อนหินโดยใช้เป็นวิธีของการลากแล้วเอาก้อนหินนั้นวางไว้บนแคร่ไม้นอกจากนี้ยังใช้น้ำในการลดรถลากเพื่อลดแรงเสียดทานอีกด้วยซึ่งวิธีการนี้ได้มีการแกะสลักเอาไว้อยู่บนฝาผนังของหินในพระมหาพีระมิดนั้นเอง

          แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะมีการบอกเล่าเรื่องราวถึงวิธีการก่อสร้างของมหาวิทยาลัยกีซาเอาไว้แต่มันก็ไม่สามารถละเอียดและทำให้เรารู้ได้ว่าทำไมพีระมิดที่มีความสูงเทียบเท่ากับตึก 40 ชั้นนั้นสามารถสร้างได้ทั้งที่ไม่มีอุปกรณ์เทคโนโลยีสมัยหรือไม่มีเครื่องปั้นจั่นที่จะใช้ยกหินได้เลยซึ่งเรื่องนี้นั้นยังคงเป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้ 

 

สนับสนุนโดย.   ufa สล็อตแตกบ่อย

National Museum of Nature and Science แห่งอุเอโนะ

Published / by admin

สำหรับประเทศญี่ปุ่นนั้นได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งการท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวชาวไทยนั้นต่างก็นิยมเดินทางไปเที่ยวเป็นอย่างมากและไม่ใช่เพียงแค่คนไทยเท่านั้นที่ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น

เพราะประเทศอื่นๆทั้งในแถบทวีปยุโรปรวมถึงเอเชียอีกหลายประเทศนั้นต่างก็อยากไปสัมผัสบรรยากาศของประเทศญี่ปุ่นที่มีความสวยงามด้านธรรมชาติและศิลปะวัฒนธรรมต่างๆซึ่งมีเอกลักษณ์แตกต่างจากประเทศอื่น

          อย่างไรก็ตามที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นสถานที่ยอดนิยมของคนที่ชื่นชอบความสวยงามของศิลปะการถ่ายรูปซึ่งแน่นอนว่าสถานที่ดังกล่าวก็คือพิพิธภัณฑ์นั่นเองโดยสถานที่ท่องเที่ยวที่เราจะพาไปรู้จักกันในครั้งนี้เป็นสถานที่ที่มีชื่อว่า National Museum of Nature and Science แห่งอุเอโนะ  

      ที่นี่คือพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และปัจจุบันทางธรรมชาติที่น่าสนใจของประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างมากโดยนักท่องเที่ยวที่เป็นเด็กๆนั้นจะชื่นชอบสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างมากเลยทีเดียวสำหรับตัวผลิตภัณฑ์สารใดมีการก่อสร้างเอาไว้ได้มีความสวยงามโดดเด่นเพราะเป็นการนำผสมผสานกันระหว่างตะวันตกในประเทศญี่ปุ่นเข้าด้วยกันสร้างเป็นรูปร่างตัวประสาทขึ้นมาที่มีความสวยงามเรียบหรูดูแพง

       แน่นอนว่าเมื่อเข้าไปภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้นั้นเรียกได้ว่าแทบจะสะกดทุกสายตาของคนเลยก็ว่าได้

พราะด้านในนั้นมีการประดับตกแต่งไว้อย่างสวยงามซึ่งจะแบ่งออกเป็นโซนต่างๆมากมายมีทั้งโซนที่เป็นการละเล่นของประเทศญี่ปุ่นโดยเฉพาะและยังเป็นโซนที่เป็นกะหรี่ของพวก Global โดยตรงซึ่งจะแยกแตกต่างกันออกไปซึ่งภายในบรรจุภัณฑ์นั้นจะมีการจำลองสัตว์ต่างๆเอาไว้มากมายเต็มไปหมดและเป็นหุ่นจำลองที่มีความเสมือนจริงเป็นอย่างมาก 

       ส่วนที่เป็น Japan แกลอรี่นั้นบอกได้เลยว่าคุณจะพบกับเรื่องราวของสิ่งมีชีวิตที่เป็นสัตว์โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์ที่หาได้ในประเทศญี่ปุ่นหรืออาจจะกล่าวได้ว่าที่นี่จะมีการจำลองต้นกำเนิดของสัตว์ต่างๆนอกจากนี้ยังมีการจัดไฟจัดบรรยากาศให้ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวนั้นเพลินเหมือนกับอยู่ในยุคของป่าดงดิบสมัยโบราณกันเลยทีเดียว

      ส่วนโซนที่เป็น Global Gallery นั้นก็ไม่แตกต่างกันเพราะส่วนนี้ก็จะมีการจำลองสิ่งมีชีวิตที่เป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ประเภทสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วมาไว้ที่โซนแห่งนี้ซึ่งสามารถที่จะให้สัตว์ต่างๆที่มีการจำลองขึ้นมานั้นมีชีวิตเหมือนจริงเลยก็ว่าได้เรียกได้ว่ามาที่นี่นั้นรับรองว่าจะต้องถูกใจ

บรรดาเด็กๆหรือบรรดาผู้ใหญ่เป็นอย่างมากเลยทีเดียวอย่างไรก็ตามพิพิธภัณฑ์แห่งนี้นั้นจะมีการเรียกเก็บค่าเข้าชมและจะเปิดให้นักท่องเที่ยวนั้นเข้าเยี่ยมชมได้ตั้งแต่ 09:00 น เป็นต้นไปพร้อมกับปิดบริการในช่วงเวลา 17:00 น 

 

สนับสนุนโดย.   gclub ผ่านเว็บ

จีนสร้างโลจิสติกส์เพื่อในการทำสงคราม ไต้หวัน กับ อินเดีย

Published / by admin

การก่อสร้างลานจอดและอาคารต่างๆนั้นมันเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี2020และใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ที่โกมูสก็ตั้งอยู่ในพื้นที่ส่วนหนึ่งของทิเบตโกมูสนั้นได้มีการแสดงให้เห็นว่ามันมีการมาฝึกซ้อมของกองทัพปอดปล่อยประชาชนจีนเป็นประจำทางทิศตะวันตกแล้วก็ทางใต้ของเมืองตลอดวิกฤตการณ์ชายแดนพร้อมกับการสร้างค่ายทหารขนาดใหญ่รวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่เกี่ยวข้องทางทหาร

นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของจังชั่นรถไฟที่มีความสำคัญในการที่จะมีการเชื่อมโยงระหว่างรอยต่อระหว่างเขตปกครองตนเองทิเบตของจีนกับซีหนิงคอลล่า ซึ่งถือว่าเป็นเมืองใหญ่สองเมืองในมณฑล ชิงไห่ แล้วก็ที่ มณฑล ซินเจียง มันก็อยู่ใกล้เคียงกันตามลำดับ

เมืองเล่านี้ก็ถือว่าเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะที่เป็นที่ตั้งของกองทัพทหารจีนที่มีความหลากหลายสนามบินแห่งนี้ก็ได้ทำหนี่เป็นศูนย์กลางทางด้านของโลจิสติกส์ที่มีความสำคัญมาแล้วโดยเป็นพื้นที่สำหรับการจอดเครื่องบินพาณิชย์และเครื่องบินทางทหารรวมถึงเครื่องบินทิ้งระเบิดและเครื่องบินรบไม่เว้นแต่เครื่องบินควบคุมและแจ้งเตือนภัยทางอากาศของจีน

โดยจีนก็ยังคงดำเนินการส่งเครื่องบินขนส่งมาประจำการอยู่ที่นี่และยังรวมถึงยังมีการประจำการด้วยเฮลิคอปเตอร์แบบต่างๆอย่างมากมายดูเหมือนว่าลานจอดเฮลิคอปเตอร์เล่านี้ซึ่งมันก็เป็นลานจอดขนาดใหญ่ก็ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของจีนในการที่จะมาปรับโครงการฝึกซ้อมและโครงการดำเนินการเคลื่อนย้ายกองกำลังทหารและดำเนินการด้านของโลจิสติกส์ได้อย่างรวดเร็วไปยังพื้นที่ใดๆก็ตามแต่

ซึ่งมันจะมีการมารวบรวมฐานทัพอากาศทางรถไฟแล้วก็ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ก็ยังมีการเปลี่ยนโกมูสให้กลายเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ซึ่งมันก็รองรับระดมพลทางทหารไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ด้วยอุปกรณ์ที่หลากหลายลึกเข้าไปยังพื้นที่ทิเบตเราก็จะสังเกตุเห็นว่า

ลานจอดเฮลิคอปเตอร์จำนวนหนึ่งก็ตั้งห่างจากเมืองที่ห่างไกลหลายแห่งลานจอดเฮลิคอปเตอร์ขนาดเล็กไปจนถึงลานจอดที่มีขนาดใหญ่ก็จะมีโรงเก็บอากาศยานประมาณ18โรงและดูเหมือนว่ามันจะมีถังเชื้อเพลิงจุดบริการต่างๆๆให้สามารถรักษาการปฏิบัติการที่ยั้งยืนและการดำเนินการในระยะไกล

นอกจากนี้จีนยังได้ดำเนินการสร้างลานจอดเฮลิคอปเตอร์ขนาดเล็กร่วมกับฐานทัพอากาศที่มีอยู่แล้วรวมถึงลานจอดเฮลิคอปเตอร์ขนาดใหญ่ที่โกมูสก็แสดงให้เห็นถึงว่าในเวลานี้จีนได้วางโครงข่ายด้านของโลจิสติกส์ทางอากาศที่ชัดเจนมากขึ้นเพื่อต้องการมารับรู้สถานการณ์ที่มันเกิดขึ้นในพื้นที่ลาบสูงตรงนี้

ซึ่งมันก็จะเป็นประโยชน์ต่อกองทัพของจีนเป็นอย่างมกาและนอกจากนี้ก็ยังมีการมาสังเกตุเห็นว่าจีนมีการเข้ามาปรับปรุงมีความสามารถในการขยายกิจกรรมในลานจอดเฮลิคอปเตอร์เก่าที่มีอยู่แล้ว

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.    สล็อต ufabet แตกง่าย

ความขัดแย้งระหว่างอิรักและอิหร่าน

Published / by admin

อังกฤษได้เข้ามาปกครองอิรักในฐานะรัฐอารักขาตั้งแต่ปีคริสต์ศักราช 1920 อิรักและอิหร่าน จนกระทั่งในปี 1932 อังกฤษก็ได้ให้เอกราชแก่อิรัก โดยมีราชวงศ์ herschel ปกครองอิรัก ในปีค.ศ 1941 ในขณะที่สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ดำเนินอยู่นั้น ปาราชิกอารีย์ นายกรัฐมนตรีของอิรักในเวลานั้นได้เป็นแกนนำกลุ่มชาตินิยมของอิรักก่อกบฏแห่งราชวงศ์ hashemite

แต่ถ้าว่าราชวงศ์ให้เชื่อไหม ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอังกฤษสามารถปราบปรามกบฏในคร่าวนี้ ได้สำเร็จจนในวันที่4กรกฎาคมคริสต์ศักราช 1958 กองทัพอิรัก นำโดย up donghan Casio และอับดุลคันซาดิส ได้ลูกเขยขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง และได้ก่อการรัฐประหารเปลี่ยนระบอบปกครองเป็นระบอบสาธารณรัฐ 

ส่วนที่อิหร่านอาณาจักรเปอร์เซีย ที่ยิ่งใหญ่มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 9 มีกษัตริย์เป็นประมุขพระราชวงศ์ปาลีเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายที่ปกครองประเทศในปีคริสต์ศักราช 1979 Ayatollah Khomeiniได้เป็นแกนนำประชาชนก่อการปฏิวัติคนล้มพระเจ้าชาห์ 

เบื้องหลังการปฏิวัติ Ayatollah Khomeini ได้กลายมาเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลสูงสุดในอิหร่านภายใต้ระบบร้านศาสนากฎหมายชารีอะห์ที่บัญญัติไว้ในคัมภีร์อัลกุรอาน

โดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุขในสภาปฏิวัติมีอำนาจสูงสุดในทุกด้านโดยอยู่ภายใต้การตัดสินใจขององค์กรสูงสุดฝ่ายศาสนาในช่วงศตวรรษที่ 19 อังกฤษได้เข้าครอบครองอิหร่านและได้สัมปทานขุดเจาะน้ำมันย้อนหลังสงครามโลกครั้งที่ 2สหรัฐได้เข้ารับสัมปทานนั้นแทนอังกฤษ

สาเหตุการขัดแย้งระหว่างอิรักกับอิหร่านคือดินแดนสำคัญในอ้าวเกาะเปอร์เซียที่อยู่ใกล้ช่องแคบฮอร์มุซที่เป็นเส้นทางการควบคุมการขนส่งออกสู่อ่าวเปอร์เซียอิรักไม่พอใจที่อิหร่านเข้ามายึดคลองอีกทั้งการปักปันหลักเขตแดนอิหร่านได้ขีดเส้นแบ่งปากแม่น้ำShatt al-Arab ด้วยร่องน้ำลึกแต่อิรักคิดว่าควรจะใช้หลักสากลที่ยอมรับได้และต้องการครอบครองแต่เพียงผู้เดียวเพราะเป็นเส้นทางที่จะออกสู่ทะเลได้ 

นอกจากนี้ยังมีปัญหาเชื้อชาติและศาสนาที่แตกต่างกันโดยชาวอาหรับที่ถือชนชาตินิกายSony เป็นชนชั้นปกครองอยู่ในประเทศอิรักแต่ชนชั้นปกครองของอิหร่านเป็นเปอร์เซียที่นับถือนิกายสีอ่ะทั้งสองชาติยังมีปัญหาเรื่องชนกลุ่มน้อยในเขตชายแดนเช่นในแคว้นKhuzestan ที่เป็นแหล่งผลิตน้ำมันสำคัญของอิหร่านที่มีชาวอาหรับครอบครองอยูและกล่าวหาให้อิรักยุยงแข่งข้อต่อรัฐบาลอิหร่าน

ส่วนปัญหาชาวกลุ่มน้อยKurdistan ทางตอนเหนือของอิรักที่ สมัคร sbobet โดยตรง อยู่ติดกับอิหร่านบางครั้งดำเนินการปราบปรามโดยการโปรยสารเคมีฝนเหลืองและใช้วิธีการปราบปรามอยากรู้แรงก็เลยทำให้อิหร่านเห็นใจชาวเคิร์ด 

ในช่วงแรกของสงครามอิรักเป็นฝ่ายได้เปรียบแต่ 2 ปีต่อมาเกิดสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำขาดแคลนอาวุธถูกอิหร่านทิ้งระเบิดทำให้บ่อน้ำมันมีความเสียหายเป็นอย่างมากรวมทั้งสี่เหลี่ยมมาให้ผ่านแดนอีกด้วย

พลังงานไฟฟ้าผลิตขึ้นมาได้อย่างไรในเชอร์โนบิล

Published / by admin

พลังงานไฟฟ้าผลิตขึ้นมา ทุกคนรู้กันหรือไม่ว่าโลกของเราเคยมีวิกฤตการณ์โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดครั้งนึงที่รุนแรงมากๆเลยก็คือ โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลนั่นเอง

ซึ่งในปีนี้เป็นปีที่ครบ35ปีแล้วดังนั้นวันนี้เราได้เอาเรื่องราวมาเล่าให้ทุกคนได้รู้กันว่าจริงๆแล้วมันเกิดอะไรขึ้นบ้างอย่างไรก่อนที่เราจะไปฟังเรื่องราวของเชอร์โนบิลว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างเราขอปูพื้นฐานให้ทุกคนก่อนเล็กน้อยเพราะทุกคนก็น่าจะสงสัยเหมือนกันแหละว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อยู่ดีมันกลายมาเป็นไฟฟ้าได้อย่างไง

หลายๆคนเมื่อนึกถึงเชอร์โนบิลก็จะนึกถึงรัสเซียและก็โซเวียตกันใช่ไหมแต่จริงๆแล้วเทคโนโลยีโรงฟฟ้านิวเคลียร์มันไม่ได้เกิดขึ้นที่รัสเซียหรือโซเวียตแต่มันเกิดขึ้นที่สหรัฐอเมริกาและที่สำคัญเกิดขึ้นในช่วงเวลาสงครามโลกครั้งที่2

เพราะพูดถึงระเบิดนิวเคลียร์ระเบิดนิวเคลียร์ทุกคนก็น่าจะนึกถึงเหตุการณ์ที่ฮิโรชิมาแล้วก็นางาซากิกันใช่ไหม ใช่เลยเทคโนโลยีการนำพลังงานนิวเคลียร์มาผลิตไฟฟ้าก็เป็นหนึ่งในผลรับที่ได้มาจากBOMBซึ่งก็เป็นโครงการเดียวกันที่ผลิตนิวเคลียร์และระเบิดปรมาณูที่ใช้กันในช่วงสงครามโลกครั้งที่2

นอกจากนี้ระเบิดมันมาเกี่ยวข้องกับไฟฟ้าได้อย่างไงก็ต้องบอกเลยว่าจริงๆแล้วการเกิดไฟฟ้ามันเกิดได้หลายวิธีไม่ว่าจะเป้ฯวิธีธรรมชาติวิธีการเปลี่ยนพลังงานความร้อนให้เป็นพลังงานไฟฟ้าวิธีเปลี่ยนปฏิกิริยาเคมีเป็นพลังงานไฟฟ้าแบบที่เราได้ทำการทดลองและวิธีการสุดท้ายคือการเหนื่ยวนำของแม่เหล็ก

แต่ว่าพลังงานนิวเคลียร์นี้จริงๆแล้วมันมีรายละเอียดมากกว่านั้นเพราะว่าสะสารต่างๆที่อยู่รอบตัวเรามันประกอบไปด้วยสิ่งเล็กที่เรียกว่าอะตอมในอะตอมต่างๆที่อยู่รอบตัวของเรามันจะมีแกนกลางอยู่ที่เรียกว่าNucleusทีนี่ www.ufabet.com ลิ้งเข้าเว็บไซต์คะ  เมื่อมันมีการเปลี่ยนแปลงNucleusมันจะแพร่พลังงานออกมาเราก็เลยเรียกพลังงานนั้นว่าพลังงานนิวเคลียร์

ดังนั้นถามว่าพลังงานนิวเคลียร์ที่มันปล่อยออกมามันอยู่ในรูปแบบไหนจริงๆแล้วมันอยู่ใน2รูปแบบด้วยกันรูปแบบแรกก็คือรูปแบบของรังสีซึ่งเราก็จะเอารังสีไปใช้งานต่างๆมากมายไม่ว่าจจะเป็นทางการแพทย์แบบที่เราเคยได้ยินกันการฉายแสงการฉายรังสีหรือทางภาคอุตสาหกรรมภาคเกษรตกรรมเขาก็จะนำเอาไปใช้มากมาเลย

แต่อีกหนึ่งอย่างที่พลังงานนิวเคลียร์จะแผ่ออกมาด้วยก็คือพลังงานความร้อนซึ่งพลังงานความร้อนตรงนี้เป็นสิ่งที่เราจะนำเอามาผลิตกระแสไฟฟ้าโดยหลักการง่ายๆเมื่อเรามีพลังงานนิวเคียร์ที่ได้ปล่อยความร้อนออกมาเราก็เอาความร้อนนี้ไปต้มน้ำ

เมื่อเอาไปต้มน้ำ น้ำก็จะเกิดไอน้ำแล้วเขาจะเอาไอน้ำตรงนี้ไปปั่นกังหันโดยให้กังหันนี้ไปปั่นเครื่องกำหนดไฟฟ้าก็เลยได้ไฟฟ้าออกมานั่นเอง

สงครามไทยบุกโจมตีที่เมืองพระตะบองและเมืองเสียมราฐ

Published / by admin

สงครามไทยบุกโจมตี วันที่ 12ธันวาคม พุทธศักราช2483 เวลา 01.00นาฬิกา นายเรืออากาศ จวน สุกเสริม ผู้บังคับหมวดบบินที่1ฝูงบบินขับไล่ที่70นครพนมได้รับแจ้งว่าฝูงบินทิ้งระเบิดของฝรั่งเศสกำลังบินเข้ามาในไทย

แม้รู้ดีว่าสมรรถนะอาวุธของเครื่องบินฝ่ายตรงข้ามเหนือกว่าแต่ด้วยความกล้าหารและสัญชาตญาณของนักรบจึงตัดสินใจนำเครื่องบินฮอว์ค 3ขึ้นบินขับไล่ทันทีจนในที่สุดถูกฝ่ายตรงข้ามยิงตกที่บ้านตาลและประเทศไทยได้สูญเสียวีรบุรุษของชาติไปอีกหนึ่งท่าน

ซึ่งการรบได้เปิดฉากขึ้นมาอีกครั้งในวันที่8 มกราคม พุทธศักราช2484 เครื่องบินฮอว์ค75 จำนวน3เครื่องได้บินคุ้มกันเครื่องบินนาโงยา 24เครื่องของไทยกลับจากการทิ้งระเบิดที่เมืองพระตะบองและเมืองเสียมราฐขณะบินผ่านนครวัดเพื่อกลับดอนเมืองเครื่องบินโมรานจำนวน4เครื่องได้วิ่งขึ้น เมืองเสียมราฐ 

โดย นายเรืออากาศตรี ผัน สุวรรณรักษ์ ตัดสิ้นใจจนำเครื่องบินฮอว์ค75เข้าโจมตี โดยมี นายอากาศเอก ทองอยู่ เกียรติบุตร เกาะหมู่ตามไปด้วย ส่วน จ่าอากาศเอก ทองคำ เปล่งขำก็ยังคงบินคุ้มกันต่อไป นายเรืออากาศตรี ผัน สุวรรณรักษ์ เกรงว่าเครื่องบินทิ้งระเบิดของไทยจะถูกโจมตีจึงสั่งให้ นายอากาศเอก ทองอยู่ เกียรติบุตร กลับไปคุ้มกันเครื่อง นาโงยา ส่วนตนเองเข้าปะทะกับเครื่องบินฝ่ายตรงข้ามทั้ง4เครื่องเพื่อถ่วงเวลาและบินไช่กันมาจนถึงศรีโสภณ

นอกจากนี้ เครื่องบินของฝรั่งเศสจนวิ่งกลับไปแม้ว่าเครื่องบินฮอว์ค75ของไทยจะโดนยิงแต่ก็สามารถคุ้มกันเครื่องบินทิ้งระเบิดไม่ให้ถูกโจมตีได้

วันที่ 10 มกราคม พุทธศักราช2484 เหล่าทหารกล้าภายใต้ชื่อฝูงบินพิบูลงครามนำเครื่องบิน นาโงยา ปฏิบัติภารกิจโจมตีทางอากาศที่สนามบินนครวัด โดยการนำของ นายนาวาอากาศโอ ขุนรณนภากาศ พร้อมนักบินที่ปรากฏชื่อประกอบด้วย

นายนาวาอากาศตรี หม่อนเจ้ารังษิยากร อาภากร นายเรืออากาศโท มานพ สุริยะ นายเรืออากาศโท ชุมสาย เอกฉันท์ พันจ่าอากาศเอก สว่าง พัตทอง พันจ่าอากาศโท สำราญ โกมลวิภาต พันจ่าอากาศโท จรูญ กฤษณราช พันจ่าอากาศโท บุญเยี่ยม ปั้นสุขสวัสดิ์ พันจ่าอากาตรี บุญ สุขสบาย จ่าอากาศเอก เกษม สินธุวรรณะ จ่าอากาศเอก แวว จันทศร

ซึ่งได้มีเครื่องบินฮอว์ค75อีก2เครื่องทำการบินคุ้มกันได้แก่ พันจ่าอากาศเอก สังวาล วรทรัพย์ และ จ่าอากาศเอก ทองคำเปล่งขำ และในครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เราต้องสูญเสียนักบินผู้กล้าไปในสมรภูมิรบ เมื่อเครื่องพันจ่าอากาศโท บุญเยี่ยม ปั้นสุขสวัสดิ์ และ พันจ่าอากาตรี บุญ สุขสบาย ถูกยิงตก พันจ่าอากาศโท บุญเยี่ยม ปั้นสุขสวัสดิ์ เสียชีวิตวันที่10มกราคม พ.ศ.2484 ด้วยความเศร้าของคนในประเทศไทย

 

สนับสนุนโดย.   สมัครเว็บ ufabet

นาค มาจากไหนกัน ?

Published / by admin

นาค มาจากไหนกัน เมื่อศาสนาพราหมณ์และพุทธได้เข้ามายังดินแดนอุษาขเณเอเชียตะวันออกฉียงใต้คำว่า นาค ได้ถูกนำเอามาใช้ทั้งในตระกลูภาษาไทยลาวและมอญเขมรในความหมายของ งู นั่นเป็นเพราะงูเป็นสัตว์เลือดเย็นไม่ขนปกคลัมร่างกายจึงสร้างจินตนาการเพิ่มเติมต่อมาให้หัวหน้างูทั้งหลายคือ นาค มีถิ่นที่อยู่ใต้ดินเรียกว่า บาดาล 

จากหลักฐานยุคก่อนประวัติศาสตร์อายุระหว่าง2,300ถึง1,800ปีที่ได้ขุดค้นพบที่อำเภอบ้านเชียงจังหวัดอุดรธานีภาชนะเขียนสีรูป งู แสดงถึงบทบาทในฐานะสัญลักษณ์ทางจิตวิญาณก่อนที่จะมีการรับเอาพระพุทธศาสนาเข้ามาในดินแดนแถบนี้

เมื่อความเชื่อดั่งเดิมจะมีสัตว์อีกหลากหลายชนิดที่เป็นสัญลักษณ์ทางจิตวิญาณมีอำนาจดรบันดาลความอุดมสมบูรณ์ได้แต่งูคือสิ่งที่ผสานเข้ากับขติทางธรรมพระพุทธศาสนาได้อย่างกลมกลืนมากที่สุดตามตำนาน นาค คือผู้ที่ศรัทธาและปกป้องพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ชนพื้นเมืองสร้างขึ้นใหม่ให้สอดรับกับความเชื่อทางพุทธศาสนานั่นเอง

ซึ่งบ้านเมืองหลายแห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มักมีตำนานของนาคที่สร้างบ้านเมืองอยู่ก่อนแล้วแต่ภายหลังต้องยอมต่อสิโรราบต่อพระพุทธเจ้าและรับเอาพุทธศาสนามาเป็นศาสนาประจำอาณาจักรของตนในดินแดนลุ่มน้ำโขงทั้งในไทยและลาว

ต่างมีความเชื่อกับเรื่องที่อยู่หรือรูพญานาคที่ผูกโยงเข้ากับศาสนสถานจำนวนมากเช่นพระธาตุดำในเวียงจันทร์ของลาวได้ถูกสร้างขึ้นครอบทับรูของนาคเชื่อว่าทำให้นาคไม่สามารถออกมาปปกป้องบ้านเมืองในยามอันตรายได้จนเป็นเหตุทำให้เวียงจันทร์ต้องพ่ายแพ้สงครามอยู่หลายครั้ง

โดยขนาดฝั่งไทยมีการสร้างพระธาตุปิดรูพญานาคเช่นพระธาตุพนมเชื่อว่านาคจะช่วยปกป้องคุ้มครองและเสริมสร้างความศักดิ์สิทธิ์ให้แก่พระธาตุมากยิ่งขึ้นในความเชื่อของฮินดูที่ปรากฏอยู่ในอุษาเขณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นาค ยังได้ทำหน้าที่เป็นผู้เชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับสวรรค์จึงปรากฏสะพานและบันไดนาคสร้างควบคู่ไปกับเทวสถานทุกๆแห่ง

ซึ่งก็เช่นเดียวกันกับศาสนสถานในพุทธศาสนาการสร้างบันไดนาคขึ้นสู่วิหารหรือพระเจดีย์ถือเป็นคตินิยมในงานสถาปัตยกรรมที่พบได้อยู่เสมอบันไดนาคเสหมือนทางเชื่อมไปสู่ดินแดนพระอาทิตย์ที่อยู่ยอดบนสุดของจักรวาลขณะเดียวกันก็เป็นทางลงสำหรับผู้ที่มีบุญญาธิการทั้งหลายเฉกเช่นพระพุทธเจ้าที่เสด็จกลับจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ลงสู่โลกมนุษย์ด้วยบันไดที่เทวดาและนาคได้ช่วยกันสร้างขึ้น

นอกจากนี้ นาค ยังได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับศาสนาในดินแดนนี้อย่างแนบแน่นและกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตท้องถิ่นเช่นประเพณีไหลเรือไฟทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ประเพณีนี้จะเริ่มจัดกันหลังในช่วงเทศกาลออกพรรษาทุกๆปีเพื่อบูชารอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเสด็จไปแสดงธรรมเทศนาโปรดแก่นาคและนาคได้ขอพระพุทธองค์ให้ประทับรอยรอยพระบาทไว้ ณ ริมน้ำธรรมนานทีประเพณีนี้จึงเป็นการบูชาทั้งพระพุทธเจ้าและนาคไปพร้อมกัน

 

สนับสนุนโดย.   ทางเข้า UFABET ภาษาไทย

ตำนานศุกร์13

Published / by admin

ถ้าหากพูดถึงเรื่องราวของอาถรรพ์ที่สามารถสร้างความหวาดกลัวให้แก่คนไปเป็นจำนวนมากที่เป็นอันดับต้นๆของโลกก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องราวของ ตำนานศุกร์13 ที่มีความเชื่อกันว่าถ้าหากศุกร์วันที่13ของเดือนใดตรงกับศุกร์ของสัปดาห์แล้ววันศุกร์ที่13นั้นก็จะกลายเป็นวันแห่งความโชคร้ายและเป็นอัปมงคลนั่นเอง

ซึ่งตรงความเชื่อของส่วนนี้ก็จะแฝงอยู่ในความเชื่อของชนชาติที่ผู้ภาษาอังกฤษไปทั่วโลกเลยโดยเฉพาะผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกแล้วก็ยังได้มีบางประเทศตัวอย่างเช่นกรีซและสเปนที่ได้นับเอาวันอังคารที่13เป็นวัยแห่งความโชคร้ายดด้วยเช่นกัน

โดยได้มีผู้คนหลายสิบล้านคนจากทั่วโลกที่ได้เชื่อเรื่องราวอาถรรพ์ของวันศุกร์13ชนิดที่ว่าเมื่อวันศุกร์13มาถึงพวกเขาก็จะไม่กล้าที่จะออกจากบ้านและเชื่อว่าวันดังกล่าวนี้หากจะทำการสิ่งใดก็จะไม่สำเร็จและยังอาจจะเกิดความอันตรายที่ร้ายแรงขึ้นมาได้อีกด้วยหรือแม้กระทั่งบางคนกลัวหนักมากๆจนไม่กล้าที่จะเอ่ยคำส่าศุกร์13เลยก็มี

ซึ่งเราได้เรียกอาการกลัวดังกล่าวนี้ว่า “ โรคกลัววันศุกร์13นั่นเอง “ 

โดยคำว่าFriggaก็มาตากคำว่า Fridayหรือว่าวันศุกร์ในภาษาน็อตโบราณและคำว่ามาจากTriskaideka13นั่นเองโดยจุดเริ่มต้นตำนานความเชื่อของศุกร์13ก็มีที่มาจากสองความเชื่อที่มารวมถึงนั่นก็คือความเชื่อเกี่ยวกับตัวเลข13ที่เชื่อว่าเป็นตัวเลขแห่งความโชคร้ายมารวมกันกับความเชื่อที่ว่าวันศุกร์นั้นก็เป้นวันแห่งความโชคร้ายเช่นเดียวกันนั่นเอง

ดังนั้นแล้วในความเชื่อที่ว่าเลข13นั่นเป็นเลขแห่งความโชคร้ายมันได้มีมานานหลายศตวรรษแล้วโยความเชื่อที่เกี่ยวกับเลข13นี้อาจจะมีมาตั้งแต่1,700ปีก่อนคริสตกาลเลยเราจะเห็นได้จากกฎหมายฮามูลาบีของชาวบาบิลอนในสมัยโบราณที่ได้ถูกจารึกอยู่ในแผ่นศิลาที่จะไม่ปรากฏเลข13ให้ได้เห็น

เนื่องจากนี้จะมีเลข1-12แล้วก็จะข้ามไปเลข20-30-40เลยและชาวอียิปต์โบราณก็ยังได้เชื่อถือว่าเลข13นั้นได้เป็นสัญลักษณ์แห่งความตายนั่นเองโดยเรื่องราวความเชื่อที่เกี่ยวกับเลข13นี้ในปีคริสตศักราช1881เคยมีองค์กรหนึ่งที่มีชื่อว่าThirteen Olibได้ถูกก่อตั้งขึ้นแล้วก็พยายามที่จะแก้ไขความเชื่อที่น่ากลัวของเลข13นี้ให้มันได้หายไป

ซึ่งในการประชุมครั้งแรกขององค์กรนี้ได้มีสมาชิกขององค์กร13คนก็เดินผ่านใต้บันไดที่จะเดินเข้าไปที่มีเกลือโปรยอยู่ไปทั่วเพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้กลัวต่อเลข13แต่อย่างใดนั่นเองโดยคนกลุ่มนี้ก็มีอายุยืนมาหลายปีแล้วและมีสมาชิกเพิ่มขึ้นถึง400คนเลยทีเดียว

 

สนับสนุนโดย.   ufabet เว็บไหนดี

ต้นไม้ที่มีความใหญ่ที่สุด

Published / by admin

ซึ่งวันนี้เราก็จะพาทุกคนไปรู้จักกับต้นไม้ยักษ์ที่เรียยกได้ว่ามันใหญ่ที่สุดในโลก ต้นไม้ที่มีความใหญ่ที่สุด และยังรวมไปถึงต้นไม้มหัศจรรย์ต่างๆมากมายและหลายๆต้นมันก็ได้อยู่ที่ประเทศไทยอีกด้วยมันจะมีต้นอะไรกันบ้างพร้อมแล้วไปกันเลย

สำหรับต้นไม้ยักษ์ต้นแรกเราจะพาไปดูต้นไม้ที่ประเทญไทยบ้านเรากันก่อนเลยโดยต้นไม้ยักษ์ต้นนี้อยู่ที่ จังหวัดนครราชสีมา มันเป็นต้มตะเคียนทองพันปี 

ซึ่งต้นตะเคียนทองพันปีนี้ได้ตั้งอยู่ที่อุทยานทับลาน จังหวัดนครราชสีมา เนต้นตะเคียนทองที่มีอายุราวมากกว่า1,000ปีโดยต้นตะเคียนทองต้นนี้ได้มีเส้นรอบวงมากกว่า12เมตรและมีควาสูงกว่า50เมตรถือได้ว่าเป็นต้นไม้ตะเคียนทองพันปีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเลย

นอกจากนี้เรามาดูต้นไม่ต่อไปกันเลยดีกว่ามันมีชื่อว่า General Sherman หรือว่านายพล General Shermanนั่นเองโดยนายพล General Shermanนี้เป็นเพียงชื่อของต้นไม้เพียงเท่านั้นเพราะว่าจริงๆแล้วต้นไม้ต้นนี้มันคือต้นสนซีคัวยายักษ์นั่นเอง

โดยต้นสนต้นนี้ได้ตั้งอยู่ที่บริเวณอุทยานแห่งชาติในซีคัวยาที่รัฐแคลิฟอร์เนียและความสูงจากพื้นสู่ยอดได้มีความสุงประมาณ83.8เมตรและยังได้มีเส้นรอบวงกว้างถึง31.3เมตรกันเลยบอกเลยว่ามันใหญ่มากๆเลยในปริมาตรในเนื้อไม้นั้นก็ได้มีปริมาตรสูงถึง1,487ลูกบาศก์เมตรเลย

ดังนั้นก็ได้เชื่อกันว่าต้นสนต้นนี้มันได้มีอายุประมาณราวถึง2,200-2,700ปีกันเลยและต้นสนซีคัวยักษ์ต้นนี้หรือว่านายพล General Shermanคนนี้เขาได้รับตำแหน่งต้นไม้ที่มีความใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วยเราคงคิดว่ามันคงจะใหญ่มากที่สุดในโลกและล่ะเพราะมันมีขนาดใหญ่ได้ถึงขนาดนี้

สำหรับต้นไม้ต่อไปนี้มันคือต้นมะขามคู่บุญขุนแผน จังหวัดสุพรรณบุรี ต้นมะขามคู่บุญขุนแผนต้นนี้ได้ตั้งอยู่ที่วัดแข จังหวัดสุพรรณบุรี มีอายุมากกว่า1,000ปีกันเลยและลำต้นได้มีเส้นรอบวงถึง10เมตรมีความสูงประมาณ15เมตรตามตำนานได้มีความเชื่อกันว่าต้นมะขามต้นนี้คือต้นเดียวกันที่ปรากฏอยู่ในวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผนนั่นเอง

ซึ่งจะปรากฏอยู่ในที่ขุนแผนนั้นได้มาบวชเรียนวิชาอาคมอยู่กับอาจารย์คงแล้วได้เรียนวิชาเสกใบมะขามให้กลายเป้นตัวต่อตัวแตนเอาไว้ใช้สำหรับในการต่อสู้กับข้าศึกศัตรูนั่นเองโดยก็เชื่อกันว่าตต้นมะขามที่ได้ปรากฏอยู่ในวรรณคดีนั้นก็คือใบมะขามจากต้นนี้นั่นเองหากใครที่เคยดูหนังขุนช้างขุนแผนก็จะได้เห็นต้นมะขามต้นนี้ปรากฏอยู่ในหนังหรือในวรรณคดีก็ยังมีอยู่ในนั่นอีกด้วยเช่นกัน

 

สนับสนุนโดย.    ufabet ฝาก-ถอน ออโต้