คลังเก็บหมวดหมู่: ศิลปะ

ประวัติของ เซอร์ ไอแซก นิวตัน (Sir Isaac Newton)

Published / by admin

เซอร์ ไอแซก นิวตัน (Sir Isaac Newton) เป็นนักวิทยาศาสตร์และนักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษที่มีผลงานที่สำคัญและมีอิทธิพลมากในด้านฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ เขาเกิดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 1642 ที่ Woolsthorpe, Lincolnshire, อังกฤษ และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 1727 ที่ Kensington, London, อังกฤษ

นิวตันเป็นผู้คิดค้นกฎแห่งทวีปทราย (Law of Universal Gravitation) ที่อธิบายถึงแรงดึงดูดระหว่างวัตถุทุกชนิดในจักรวาล นอกจากนี้ยังคิดค้นกฎทวีความเร็ว (Laws of Motion) ซึ่งเป็นกฎที่อธิบายเคลื่อนที่ของวัตถุ ผลงานทั้งหมดของเขาได้มีผลกระทบอย่างมากต่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในปีต่อมา

นอกจากนี้ เขายังทำการวิจัยทางคณิตศาสตร์อื่น ๆ ได้มีผลงานที่สำคัญ เช่น การพัฒนาทฤษฎีการคำนวณของบทบาทและการพัฒนาทฤษฎีบทบาทของคลื่นแสง

นิวตันเคยบรรยายว่า “If I have seen further, it is by standing on the shoulders of Giants” (ถ้าฉันมีโอกาสมองไปได้ไกลขึ้น นั้นเป็นไปด้วยการยืนอยู่บนไหล่ของยอดมนุษย์ที่ยิ่งใหญ่) คำพูดนี้ได้แสดงถึงความยินดีของเขาที่ได้รับแรงบันดาลใจจากผู้คิดค้นที่มาก่อน

ผลงานของเซอร์ ไอแซก นิวตัน (Sir Isaac Newton) มีความหลากหลายและสำคัญทั้งในด้านฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ นี้คือบางผลงานที่สำคัญของเขาที่เราได้นำมายกตัวอย่างให้ดู

1.กฎแห่งทวีปทราย (Law of Universal Gravitation)

เป็นผลงานที่สำคัญที่สุดของนิวตัน ซึ่งได้รับการเผยแพร่ใน “Philosophiæ Naturalis Principia Mathematica” (ปรัชญาวิทยาศาสตร์แห่งรากฐานทางคณิตศาสตร์) ในปี 1687 กฎนี้กล่าวถึงแรงดึงดูดที่มีอยู่ระหว่างวัตถุทุกชนิดในจักรวาล และได้สร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ที่มีอิทธิพลมากในต่อไป

2.กฎทวีความเร็ว (Laws of Motion)

เนื่องจากผลงานทางฟิสิกส์ที่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ นิวตันได้จัดทำกฎทวีความเร็ว ซึ่งประกอบไปด้วยกฎทั้งสาม ซึ่งยกย่องให้เขาเป็นบุคคลที่สำคัญในศาสตร์ฟิสิกส์

3.การพัฒนาทฤษฎีการคำนวณของบทบาท (Calculus)

เนื่องจากทำงานทางคณิตศาสตร์อย่างหนัก นิวตันได้ทำการพัฒนาทฤษฎีการคำนวณของบทบาทพร้อมกับกับกำเนิดของอิสระของนิวตันและเลอิส

4.ทฤษฎีบทบาทของคลื่นแสง (Wave Theory of Light)

นิวตันมีความสนใจในศึกษาทฤษฎีของคลื่นแสง ซึ่งในปัจจุบันถูกรับรองว่าไม่ถูกต้องทางทฤษฎี แต่ได้ทำให้การวิจัยในด้านนี้มีความก้าวหน้ามากขึ้นในภายหลัง

5.การศึกษาในด้านการพลังงานและการเคลื่อนที่

  • ทฤษฎีการชนิดของกระแส: นิวตันได้สนใจในการศึกษากระแสและเคลื่อนที่ของของแข็ง และได้จัดทำทฤษฎีเกี่ยวกับการชนิดของกระแส
  • การศึกษาการพลังงาน: นิวตันได้เสนอแนวคิดของการจัดเก็บพลังงานที่สร้างโดยแรงดึงดูด

ผลงานของเซอร์ ไอแซก นิวตัน (Sir Isaac Newton) ได้สร้างพื้นฐานสำคัญในศาสตร์ฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ และมีผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในศตวรรษที่ตามมา

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ทางเข้า gclub ใหม่

ประวัติวัดเทพธิดารามวรวิหาร กรุงเทพฯ 

Published / by admin

สำหรับประวัติความเป็นมาของ วัดเทพธิดารามวรวิหาร งั้นว่ากันว่ามีการสร้างมาตั้งแต่สมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 ซึ่งพระองค์นั้นเป็นคนที่สั่งให้มีการสร้างวัดดังกล่าวขึ้น โดยวัดนั้นถูกสร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อปีพ.ศ 2379 ซึ่งจุดประสงค์ของการสร้างวัดแห่งนี้นั้นจะเป็นการเฉลิมพระเกียรติให้กับพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหมื่นอักษรสุดาเทพซึ่งเป็นพระราชธิดาองค์ใหญ่ของรัชกาลที่ 3 นั่นเอง

ประวัติวัดเทพธิดารามวรวิหาร โดยใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ 3 ปีจึงสามารถแล้วเสร็จได้ ซึ่งปัจจุบันวัดแห่งนี้มีอายุเก่าแก่มากกว่า 100 ปีมาแล้ว

สำหรับวัดเทพธิดารามวรวิหาร  แห่งนี้จัดเป็นวัดพระอารามหลวงชั้นตรีซึ่งว่ากันว่าตามประวัติของการก่อสร้างวัดแห่งนี้นั้นมีการใช้ที่ดินที่แต่ก่อนนั้นเป็นเครื่องส่วนไร่นา  มาใช้ในการก่อสร้างโดยมีการสันนิษฐานกันว่าที่ดินดังกล่าวนั้นน่าจะเป็นของเจ้าพระยาไกรหรืออาจจะเป็นที่ดินของเจ้านายหรือขุนนางท่านใดท่านหนึ่งก็ได้ แล้วได้นำที่ดินมาถวายให้กับพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวหลังจากนั้นพระองค์จึงได้มีการโปรดให้มีการก่อสร้างวัดแห่งนี้ขึ้น

สำหรับจุดเด่นของ วัดเทพธิดารามวรวิหาร  นั่นก็คือความสวยสดงดงามของสถาปัตยกรรมในการก่อสร้างซึ่งที่เด่นที่สุดของ วัดเทพธิดารามวรวิหาร  แห่งนี้นั้นก็คือพระปรางค์โดยจะเห็นได้ว่าได้รับการออกแบบและการก่อสร้างมาจากช่างฝีมือที่มีความชำนาญเป็นอย่างมาก

เพราะออกแบบได้สวยสดงดงามเป็นศิลปะในช่วงสมัยของรัชกาลที่ 3 ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเพราะยุคดังกล่าวนั้นเป็นยุคที่ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะจีน   

นอกจากนี้ยังมีการก่อสร้างพระอุโบสถซึ่งมีสถาปัตยกรรมที่งดงามเช่นเดียวกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งผนังด้านในของพระอุโบสถนั้นมีการวาดภาพซึ่งเป็นแบบอย่างเฉพาะของสมัยรัชกาลที่ 3 เท่านั้นโดยเป็นภาพรูปพุ่มข้าวบิณฑ์   ที่สำคัญองค์พระประธานที่ประดิษฐานอยู่ภายในด้านในของอุโบสถนั้น เป็นพระประธานปรางมารวิชัย ชื่งหลวงพ่อขาว ซึ่งชาวบ้านให้ความเคารพนับถือกันเป็นอย่างมาก 

นอกจากนี้ วัดเทพธิดารามวรวิหาร   ยังมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ โดยมีการบันทึกเอาไว้ว่าในช่วงระหว่างปีพ.ศ 2383-2,385 นั้นสถานที่วันแห่งนี้นั้นเคยเป็นที่พำนักของกวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ซึ่งปัจจุบันทุกคนรู้จักชื่อเสียงของกวีเอกท่านนี้กันเป็นอย่างดีเพราะเป็นบุคคลในตำนานที่ได้รับการยกย่องนับถือว่าเป็นกวีเอกอันดับ 1 ของไทยซึ่งท่านก็คือสุนทรภู่นั่นเอง

โดยถูกระบุว่าวัดเทพธิดารามวรวิหาร  เคยเป็นที่บวชพระภิกษุสงฆ์สมัยที่สุนทรภู่ยังออกบวช   และมีหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ว่าสุนทรภู่เคยบวชอยู่ที่วัดแห่งนี้ซึ่งก็มีกุฏิหลังหนึ่งที่ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ชื่อว่าบ้านกวีนั่นเอง

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ufabet

ประวัติ กัน จอมพลัง 

Published / by admin

เชื่อว่าหลายคนคงเคยมีคำถามขึ้นมาว่าเวลาที่เรามีปัญหาคนแรกที่เรานึกถึงในสมัยอดีตนั้นก็คือเจ้าหน้าที่ตำรวจนั่นเอง  ปัจจุบันสังคมไม่ได้สนใจเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกต่อไป เพราะปัจจุบันหากใครที่มีปัญหามักจะนึกถึงเพจหรือว่า influencer ชื่อดังและหนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของกันจอมพลังอย่างแน่นอน

หลายคนน่าจะสงสัยเหมือนกันว่าคุณกัน จอมพลัง แท้จริงแล้วเขาเป็นใครกันแน่  กัน จอมพลัง 

หรือว่าชื่อจริงของเขา คือ นาย กันนภัทร  พงษ์ไพบูลย์เวทย์   ซึ่งก่อนจะออกมาเป็นกระบอกเสียงให้กับประชาชน  กัน จอมพลัง  เคยเปิดร้านขายบะหมี่ โดยร้านของเขามีชื่อว่าบะหมี่จอมพลัง  เปิดขายในตลาดนัดกลางคืนชื่อดังหลายแห่งเลยทีเดียว

จุดเด่นของเขาก็คือบะหมี่ชามยักษ์ไม่ใช่ยักษ์ธรรมดานะยักษ์แบบใหญ่มากๆจริงๆ แล้วก็เป็นไวรัลดังอยู่ช่วงนึง ซึ่งร้านของเขาเนี่ยมักจะจัดแข่งทานบะหมี่ชามยักษ์นี่แหละต้องทานให้หมดภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งถ้าใครก็แล้วแต่ทานหมดก็จะทานฟรีไปเลย

อีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้ชื่อของ กัน จอมพลัง เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้นนั่นก็คือเขามีโอกาสไปออกรายการอายุน้อยร้อยล้านหลังจากนั้นก็เริ่มยกระดับตัวเองจากพ่อค้าขายบะหมี่กลายเป็น  influencer ชื่อดัง   ป

ปกติแล้ว กัน จอมพลังมักจะถ่ายคลิปวีดีโอส่วนตัวลงสื่อโซเชียลมีเดียให้เห็นชีวิตการเป็นอยู่ที่ค่อนข้างหรูหราและอีกหนึ่งอย่างเลยที่คนสนใจก็คือเขาเนี่ยมักจะทำกิจกรรมแอดเวนเจอร์และจุดเปลียนของเขาก็คือในช่วง โควิด 19 ระบาด  เขาเริ่มรู้สึกอิ่มตัวกับธุรกิจบะหมี่จอมพลังก็เลยเซ้งร้านแล้ว

ก็อีกอย่างนึงคือเขาอยากทำธุรกิจที่มันไม่ต้องมาเสี่ยงกับโรคโควิด 19 และเริ่มหันไปจับธุรกิจพวกซอฟต์แวร์เทคโนโลยี ภายใต้ชื่อบริษัทไทยคินเทคจำกัด นอกจากนี้เขายังเป็นเจ้าของตลาดอีกด้วย 

และจุดเปลี่ยนที่ทำให้กันตามพลังกลายมาเป็นกระบอกเสียงของประชาชนนั้นเริ่มมาจากช่วงโควิดนั่นเอง  ซึ่งในช่วงนั้นโรงพยาบาลหลายแห่งขายแครงอุปกรณ์ทางการแพทย์ดังนั้น กัน จอมพลัง จึงได้รวมกันกับเพื่อนๆ ไปซื้อรถพยาบาลมาได้ 1 คันเพื่อเอามาไว้ใช้บริการประชาชนหลังจากนั้นก็มีคนร้องเรียนเข้ามาเป็นจำนวนมากว่ามีอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างอื่นขาดแคลนอย่างเช่นเตียงหรือแม้แต่ถังออกซิเจนซึ่งกันตรงกลางก็เป็นส่วนหนึ่งที่หาสิ่งต่างๆเหล่านี้มาให้ทำให้ผู้คนนั้นล่วงรู้จักเขามากยิ่งขึ้น  

สำหรับเคสแรกที่ กัน จองพลังลงไปช่วยเหลือ ผู้คนจนกลายเป็นที่มาของ  influencer ที่เข้าไปช่วยเหลือประชาชนนั้นก็คือ กรณีหญิงท้อง 9 เดือนอีก 10 วันจะคลอดอยู่แล้วได้โพสต์ขอความช่วยเหลือไว้ใน Facebook  คุณกัน จอมพลัง  รู้สึกสงสารก็เลยลงไปช่วยเหลือเคสนี้เป็นเคสแรกแล้วหลังจากนั้นก็อย่างที่ทุกคนทราบ เพราะปัจจุบัน คุณ กัน จอมพลังก็มีการช่วยเหลือประชาชนแล้วก็สังคมมาเรื่อยๆจนมาถึงทุกวันนี้

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    gclub ฝาก ขั้นต่ำ 20

วัฒนธรรมของญี่ปุ่น สมัยโบราณ ที่โด่งดัง และน่าสนใจ

Published / by admin

วัฒนธรรมของญี่ปุ่นในสมัยโบราณมีความเป็นเอกลักษณ์และมีผลกระทบที่สำคัญต่อการพัฒนาวัฒนธรรมของประเทศนี้ สมัยโบราณของญี่ปุ่นสามารถแบ่งออกเป็นระยะเวลาต่าง ๆ ตามประวัติศาสตร์และการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม

1.ยุคโจมง (Jomon Period, 10,000–300 ปีก่อนคริสตกาล): ช่วงนี้เป็นระยะเวลาที่มีวัฒนธรรมล้ำค่าต่ำที่ทำกลุ่มคนสำรวจเพื่อตามล่าและเก็บเกี่ยวอาหาร ผู้คนในยุคโจมงมีวัฒนธรรมที่มีลักษณะพิเศษในการปั้นดินเผาและการสร้างศิลปะ

2.ยุคยาโยอิ (Yayoi Period, 300 ปีก่อนคริสตกาล – 300 คริสตกาล): ช่วงนี้เป็นระยะเวลาที่มีการติดต่อกับศิลปะและวัฒนธรรมจีน การปลูกข้าวและการใช้เครื่องมือทำแหล่งน้ำและการขุดคลองเป็นลักษณะที่สำคัญในยุคนี้

3.ยุคโคฟุง (Kofun Period, 300–710 คริสตกาล): ช่วงนี้มีการสร้างโบราณสถานที่ที่เรียกว่า “โคฟุง” ซึ่งเป็นหลุมหลังคาทรงกระบวนท่าทางศีลธรรมและทางการทหาร

4.ยุคอาซูกะ (Asuka Period, 538–710 คริสตกาล): ช่วงนี้มีการนำเข้าศิลปะและวัฒนธรรมจีนมาในญี่ปุ่น รวมทั้งการนำเข้าพระพุทธศาสนาโรมันทามาจากประเทศบนสายทางทะเลไประเทศญี่ปุ่น

5.ยุคนาระ (Nara Period, 710–794 คริสตกาล): ช่วงนี้มีการสร้างกรุงนาระที่เป็นเมืองหลวงแรกของญี่ปุ่น นานาภาษาและวรรณกรรมญี่ปุ่นเริ่มพัฒนาขึ้น

 ในสมัยโบราณเหล่านี้ วัฒนธรรมญี่ปุ่นได้รับความกระทบจากสังคมและวัฒนธรรมของจีนและการแลกเปลี่ยนกับประเทศใกล้เคียง แต่พัฒนาเป็นรากฐานของวัฒนธรรมที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นเอง

จุดเด่นของวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ที่น่าสนใจ

วัฒนธรรมของญี่ปุ่นมีจุดเด่นหลายประการที่ทำให้นักท่องเที่ยวและผู้ศึกษาทั่วโลกสนใจ นี่คือบางจุดเด่นที่น่าสนใจของวัฒนธรรมญี่ปุ่น

1.ศิลปะและการออกแบบ: ญี่ปุ่นมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานในการพัฒนาศิลปะและการออกแบบทั้งในด้านอาคาร การประดับ และศิลปกรรม การเรียนรู้จากศิลปะชินโต การทำบุญทางศิลปะและการใช้สัญลักษณ์ที่มีความหมายลึกซึ้งเป็นลักษณะที่แสดงถึงความวิบัติของวัฒนธรรมนี้

2.สวนญี่ปุ่น: สวนญี่ปุ่น (หรือ ซากุระ) เป็นหนึ่งในลักษณะที่สำคัญของวัฒนธรรมญี่ปุ่น การออกแบบที่มีความสวยงามและการให้ความสำคัญกับธรรมชาติทำให้สวนญี่ปุ่นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและส่วนตัวที่น่าสนใจ

3.ศาสนาชินโต: ชินโตเป็นศาสนาที่สำคัญในวัฒนธรรมญี่ปุ่น ศาสนานี้มีกรรมวิธีและความเชื่อที่เน้นความสงบและความปรารถนาดี นักท่องเที่ยวมักได้ทดลองปฏิบัติและสัมผัสกับกิจกรรมทางศาสนาที่สถานที่บูชา

4.ความเป็นมันส์และโอตาคุ: ญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมของความเป็นมันส์และความสนุกสนาน ที่ประกอบด้วยงานเฉลิมฉลอง เทศกาลและกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่ทำให้คนสนุกสนานและร่วมสนุก

5.อาหาร: อาหารญี่ปุ่นมีชื่อเสียงทั่วโลก ด้วยความหลากหลายของอาหารทะเล ซูชิ ราเม็งและข้าวปั้น ซึ่งนำเสนอแนวคิดของความสมดุลและความสดชื่น

นี่เป็นแค่บางลักษณะที่ทำให้วัฒนธรรมของญี่ปุ่นน่าสนใจและเป็นที่นับถือทั้งในประเทศและต่างประเทศ

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ufabet

ความเป็นมาและความสำคัญทางประวัติศาสตร์ กรุงเก่าอยุธยา  

Published / by admin

      ความสำคัญทางประวัติศาสตร์    กรุงศรีอยุธยาตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มภาคกลางของประเทศไทย ซึ่งเป็นจุดบรรจบของแม่น้ำสายสำคัญ 3 สาย ได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำป่าสัก และแม่น้ำลพบุรี ส่งผลให้มีความอุดมสมบูรณ์ทางการเกษตรกรรมอันเป็นฐานการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์

นอกจากนี้ยังเป็นชุมทางสื่อสารที่อำนวยความสะดวกทางการค้าทั้งภายในและภายนอก ทำให้อยุธยาเติบโตขึ้นเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการค้าที่สำคัญของเอเชียในช่วงพุทธศตวรรษที่ 20 – 23   

บริเวณรอบเมืองอยุธยาปรากฏร่องรอยการดำรงชีวิตก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา ดังเห็นได้จากหลักฐานในพระราชพงศาวดารที่กล่าวถึงการก่อสร้างพระเจ้าพนัญเชิง พระปูนปั้นขนาดใหญ่ พ.ศ. 2410 แสดงให้เห็นว่าชุมชนในบริเวณนี้มีขนาดใหญ่และมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในขณะนั้น กล่าวคือ พร้อมด้วยกำลังคนและทรัพย์สินในการสร้างองค์พระใหญ่  

จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) สถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นศูนย์กลางการปกครองใน พ.ศ. 2436 ทรงรวบรวมเมืองที่เป็นญาติเกี่ยวข้องกัน เช่น ลพบุรี สุพรรณบุรี เป็นต้น หลังจากนั้นกรุงศรีอยุธยาก็เจริญรุ่งเรืองตามลำดับ ขยายอาณาเขตออกไปอย่างกว้างขวางและคงอยู่ยาวนานประมาณ 417 ปี

มีกษัตริย์ 34 พระองค์จาก 5 ราชวงศ์ปกครอง ซึ่งพระเจ้าเอกทัสเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายก่อนสิ้นสุดกรุงศรีอยุธยา พ.ศ. 2310 ส่งผลให้ภาคกลางของประเทศไทยถูกย้ายไปยังกรุงธนบุรีและกรุงเทพฯ จนถึงปัจจุบัน  

ลักษณะทางกายภาพของเมืองโบราณพระนครศรีอยุธยา   

        ใจกลางกรุงศรีอยุธยาเป็นส่วนหนึ่งของเกาะที่มีแม่น้ำสามสายที่ล้อมรอบ เกาะเหล่านี้และล้อมรอบด้วยกำแพงอีกชั้นหนึ่ง การก่อสร้างเมืองครั้งแรกในรัชสมัยพระเจ้าอู่ทอง กำแพงดินสร้างด้วยดินและพัฒนาเป็นกำแพงอิฐในสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ กำแพงนี้มีความยาวประมาณ 12.5 กิโลเมตร หนา 5 เมตร สูง 6 เมตร ประกอบด้วยประตู 99 บาน ซึ่งเป็นป้อมปืน 16 ป้อม รอบเมือง 18 บาน

บานเปลือย 16 บาน และประตูน้ำ 20 บาน    อยุธยาได้รับการออกแบบให้เป็นเมืองน้ำที่มีผังเมืองที่สมบูรณ์และสวยงามซึ่งเกิดจากความรู้จากธรรมชาติอย่างเข้มข้น นอกจากแม่น้ำทั้งสามสายยังนำความอุดมสมบูรณ์มาสู่กรุงศรีอยุธยาแล้ว เมื่อถึงฤดูฝนปริมาณน้ำก็จะมากและล้นหลาม 

ดังนั้นการก่อสร้างเมืองของชาวอยุธยาจึงเป็นการรักษาแม่น้ำสายเดิมและขุดคลองเพิ่มเติมโดยเฉพาะทางเหนือลงใต้เป็นเส้นตรงและเชื่อมต่อกับแม่น้ำสายเดิมทำให้น้ำระบายออกจากตัวเมืองได้ง่าย  อีกทั้งยังส่งผลให้มีแม่น้ำและคลองหลายสายในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเชื่อมโยงกันทั้งในและนอกเมือง

นอกจากนี้แนวคลองต่างๆ เหล่านี้ยังถูกแบ่งออกเป็นเกาะเล็กๆ มากมาย เพื่อเป็นพื้นที่วัด พระราชวัง และที่พักอาศัย   นอกจากนี้ยังมีถนนที่ขนานกับแนวคลอง มักสร้างจากดินและอิฐ สะพานคลองมีมากมายประมาณ 30 สะพาน เช่น สะพานไม้ สะพานศิลาแลง สะพานโซ่ และสะพานชัก สำหรับพื้นที่นอกเมืองจะเป็นพื้นที่ตอนล่างที่ใช้ทำการเกษตร โดยมีแม่น้ำและลำคลองไหลผ่าน ทั้งสองฝั่งแม่น้ำนี้เป็นที่อยู่อาศัยของชาวอยุธยาซึ่งสร้างบ้านเป็นกลุ่มสลับกับวัด

 

สนับสนุนโดย  ทางเข้ายูฟ่าสล็อต

ปารีส (Paris) เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศฝรั่งเศส

Published / by admin

 ปารีส (Paris) เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่ทางตอนทิศตะวันตกของประเทศ ฝรั่งเศส บนแม่น้ำแสงซีน ซึ่งเป็นหนึ่งในแม่น้ำที่สำคัญของประเทศนี้ ปารีสเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงปัจจุบัน

นาม “ปารีส” มีต้นกำเนิดมาจากชื่อของกลุ่มพืชที่เจริญรุ่ง คือ “พาริสี” (parsley)

ซึ่งเป็นชื่อท้องถิ่นของพืชที่มีลักษณะเหมือนผักชี ในสมัยโรมัน พื้นที่นี้เคยเป็นที่อยู่ของชนเผ่ากอล และในศตวรรษที่ 3 พ.ศ. ได้เป็นที่อยู่ของชาวซีเนีย (Sénones) ซึ่งต่อมาถูกปราบจนเมืองนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของอิมพีเรียล โรมัน

 ในยุคกลางศตวรรษที่ 5 ปารีสกลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและทางวัฒนธรรมของฝรั่งเศส จากนั้นในปี 987 มีการก่อตั้งอาณาจักรแฟรงก์ (Frankish) ซึ่งเป็นต้นแบบของราชวงศ์แซ็กซอน (Capetian) ที่ปกครองประเทศนี้ในปีที่ผ่านมา แฟรงก์ที่ 1 กลายเป็นกษัตริย์แรกของฝรั่งเศสที่มีที่อยู่ในปารีส

ในปี 12 ศตวรรษ มีการสร้างโรงเรียนมหาวิทยาลัยแห่งแรกในปารีส และเมืองนี้กลายเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและการเรียนรู้ของยุโรป ในปี 14 ศตวรรษ สถานที่สำคัญอย่างน้อมเสาใหญ่ (Notre-Dame) ได้รับการสร้างขึ้น ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของปารีส

ในยุคศตวรรษที่ 18 ปารีสได้รับการปรับปรุงทางสถาปัตยกรรมมากมายในรูปแบบของการปรับสภาพจากเมืองที่สูงสลัดและแคบถึงเป็นเมืองที่มีถนนที่กว้างขวาง โดยในสมัยของกษัตริย์หลุยส์ที่ 14 กลายเป็นเมืองที่มีการตกแต่งทางศิลปะและวัฒนธรรมที่ทันสมัย ในสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อปารีสถูกปกครองด้วยกองทัพเยอรมัน ทำให้มีการทำลายทรัพยากรสำคัญของเมือง แต่หลังจากสงคราม เมืองนี้ได้รับการสร้างสวนสาธารณะและสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกมากมาย เช่น เมตรอป็อลิแตน (Metropolitan) และเทาเรเซียน (Louvre) ที่เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ในปัจจุบัน ปารีสเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาทางวัฒนธรรมและศิลปะที่สำคัญ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย เช่น แอฟเฟล (Eiffel Tower) และไปดูการแสดงที่ฮะริส (Opéra Garnier) นอกจากนี้ยังมีห้างสรรพสินค้าที่ทันสมัย เพื่อให้ความสะดวกสบายในการช้อปปิ้ง ปารีสยังเป็นที่ตั้งของหลายหลักสูตรการศึกษาที่มีชื่อเสียงในระดับโลก เช่น มหาวิทยาลัยซอร์บอน (Sorbonne) และมหาวิทยาลัยปารีสตะวันออก (Paris-Sorbonne University)

ปารีสมีจำนวนสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย นอกจากแอฟเฟลทาวเวอร์และลูฟเรียนที่เป็นสิ่งที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว นี่คือบางสิ่งที่น่าสนใจในปารีส

1.มิวเซียมลูฟเรียน (Louvre Museum): เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีคอลเลคชันของศิลปะและสัมผัสประวัติศาสตร์ที่มีความหลากหลาย

2.แมงกานา ทรี (Montmartre): เป็นย่านศิลปะที่สวยงามที่ตั้งอยู่บนเนินเขา มีศิลปินจำนวนมาก ร้านกาแฟ และวิวที่สวยงามของเมืองปารีส

3.เซ็นเชียล ปาร์ก (Champs-Élysées): ถนนช็อปปิ้งที่หลายคนชื่นชอบ มีร้านค้า ร้านอาหาร และศิลปินที่นำเสนอทางการแสดงต่าง ๆ

4.แลติน ควอตร์ (Latin Quarter): เป็นย่านสามัญชนที่มีมหาวิทยาลัยมากมาย ร้านหนังสือและร้านอาหารที่น่าสนใจ

5.เขตเมโทรปอล (Montparnasse): ที่ตั้งของอาคารที่สูงที่สุดในปารีส, มีสวนสาธารณะที่สวยงามและบาร์บนหลังคาที่มองเห็นวิวที่ยอดเยี่ยม

6.ซาแครี-โคอร์ด (Sainte-Chapelle): โบสถ์ที่สวยงามซึ่งมีหน้าต่างกระจกสีที่ยิ่งใหญ่และงดงาม

7.มิวเซียมดอร์เซ (Musée d’Orsay): พิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ในสถานีรถไฟเก่า มีคอลเลคชันของศิลปะที่มีชื่อเสียงจากยุคบารอกและอิมเพรสซิออนิสต์

8.ซีเวียร์ (Seine River) และท่าเรือ: การท่องเที่ยวทางน้ำที่สนุกสนาน มีทั้งเรือพาย เรือท่องเที่ยว และสะพานที่สวยงาม

9.พิพิธภัณฑ์ปาลีแอ-โดรซี (Palais de la Découverte): สำหรับผู้ชื่นชอบวิทยาศาสตร์และการค้นพบ

10.พาร์คดีปลาซาน (Parc des Buttes-Chaumont): สวนสาธารณะที่สวยงามอันทรงพลัง มีทั้งทะเลน้ำพุและวิวที่สวยงามของเมือง

ปารีสเต็มไปด้วยประสบการณ์ทางวัฒนธรรม อาหาร และการช้อปปิ้งที่ทันสมัย ทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นเต้นและน่าสนใจมาก

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย  สมัคร gclub ไม่มีขั้นต่ำ

ประวัติของคนไทยโบราณ การเป็นมาของคนไทยสมัยก่อน

Published / by admin

ประวัติชาวไทยมีประวัติที่ยาวนานและหลากหลาย มีองค์ประกอบทางประวัติศาสตร์ทั้งประวัติศาสตร์โบราณและประวัติศาสตร์ร่วมสมัย ต่อไปนี้คือภาพรวมสั้นๆ ของประวัติชาวไทย

1.ประวัติศาสตร์โบราณ

  • อาณาจักรศรีวิไล (ศตวรรษที่ 13-14): อาณาจักรที่รุ่งเรืองของชาวไทยในยุคโบราณ มีศักยภาพทางทหารและทางทางการค้า
  • อาณาจักรอยุธยา (ศตวรรษที่ 14-18): อาณาจักรที่มีพัฒนาทั้งทางวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรม มีการสร้างวัดนับแต่นั้นมีวัดพระศรีสุนทร, วัดพระแก้ว, และวัดร่องขุ่น เป็นต้น.
  • สถาบันของราชวงศ์ชั้นหลวง (ศตวรรษที่ 19): การพิทักษ์อิสรภาพจากการละเมิดของกองทหารยุโรปทำให้ไทยทำสตรีทสู่การปรับตัว และสร้างสถาบันราชวงศ์ใหม่.

 2.การยุวทรัพย์และการพัฒนา

  • สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี (รัชกาลที่ 4): การปฏิวัติประชากรัฐธรรมนูญในปี 1932 เป็นจุดเริ่มต้นของระบบประมาณการแบบประชาธิปไตยในประเทศ
  • การแยกกองทัพ (รัชกาลที่ 5): ในยุค 1950s-1960s, พระมหากษัตริย์ฯ ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างกองทัพและการพัฒนาเศรษฐกิจ
  • วิกฤตเศรษฐกิจ (วงแหวนสมเด็จพระเจ้าวรเวชกุมารี): ในปี 1997, ประเทศไทยประสบวิกฤตการณ์เศรษฐกิจที่สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม

 3.ประวัติศาสตร์ร่วมสมัย

  • การเปลี่ยนแปลงทางสังคม (ปัจจุบัน): การพัฒนาทางเศรษฐกิจ, สังคม, และเทคโนโลยี ไทยกำลังเปลี่ยนแปลงทางสังคมอย่างรวดเร็ว
  • การเสริมสร้างการศึกษา (ปัจจุบัน): การพัฒนาการศึกษาและการเรียนรู้ในประเทศไทยกำลังมีการเน้นมากขึ้น
  • การรังสรรค์ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม: มีความตั้งใจในการรักษาสิ่งแวดล้อมและการแสดงความทุ่มเทในการพัฒนาทางยั่งยืน
  • การเป็นสมาชิกในชุมชนนานาชาติ: ไทยมีการเข้าร่วมองค์กรระหว่างประเทศและกิจกรรมระหว่างประเทศ

การพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันจะเน้นที่การแก้ไขความเป็นอยู่ที่ยั่งยืน, การเสริมสร้างเทคโนโลยี, และการพัฒนามนุษยสัมพันธ์ระหว่างชนชาติ

ความเป็นอยู่ของคนไทยสมัยก่อน

ความเป็นอยู่ของคนไทยในสมัยก่อนมีลักษณะที่หลากหลายขึ้นอยู่กับยุคเวลาและสภาพสังคม โดยสามารถแบ่งออกเป็นระยะเวลาหลายๆ ยุคได้ดังนี้

1.สมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้ (ก่อนพุทธศักราช)

  • ช่วงโบราณ: คนไทยในยุคนี้มีวิถีชีวิตที่ขึ้นอยู่กับการล่าสัตว์, เก็บเจาะผลผลิตจากธรรมชาติ, และใช้เครื่องมือทำจากวัสดุธรรมชาติ

2.สมัยกรุงธนบุรี (ประมาณ 15-19 ศตวรรษ)

  • ระบบสังคมการปกครอง: มีระบบสังคมหลวงที่มีพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์กลาง, มีกฎหมายที่เข้มงวด
  • การเศรษฐกิจ: เศรษฐกิจขึ้นอยู่กับการเกษตร, การผลิตและการค้า

3.สมัยอยุธยา (ประมาณ 14-18 ศตวรรษ)

  • อาณาจักรอยุธยา: ตั้งตรงในสมัยที่ทรงคุณวุฒิที่สุด
  • สังคมและวัฒนธรรม: มีการสนใจทางศิลปะและวัฒนธรรม, การสร้างวัดที่ยิ่งใหญ่และทรงสวยงาม
  • การค้าและการสื่อสาร: มีการค้าแลกเปลี่ยนกับชาติต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ

4.สมัยรัตนโกสินทร์ (ประมาณ 19 ศตวรรษ)

  • การแต่งกายและวัฒนธรรม: มีการบูรณะวัฒนธรรมและสำนักงานศิลปากรถูกสร้างขึ้น
  • การค้าและการสื่อสาร: มีการเปิดตัวกับโลกภายนอกมากขึ้น, มีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ

5.สมัยรัชกาลที่ 4-5 (ประมาณ 19-20 ศตวรรษ)

  • การพัฒนาเศรษฐกิจ: มีการยกระดับเศรษฐกิจและพัฒนาสถาบันการศึกษา

การเปลี่ยนแปลงทางสังคม: มีการเปลี่ยนแปลงทางสังคม, การเสริมสร้างการศึกษา

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ufabet เว็บตรง

สุดยอดงานศิลปะราคาสูง

Published / by admin

การให้คำตอบเกี่ยวกับภาพวาดที่แพงที่สุดในโลกมีความยากลำบาก เนื่องจากราคาของงานศิลปะมักจะขึ้นอยู่กับการประมูลและตลาดศิลปะที่มีความเปลี่ยนแปลงได้ ราคามักจะเปลี่ยนแปลงตามแต่ละการประมูลและบ่งบอกถึงความนิยมของศิลปินนั้น ๆ ในขณะนั้น

ยกตัวอย่างเช่น “Salvator Mundi” ของ Leonardo da Vinci เป็นหนึ่งในภาพวาดที่มีราคาสูงที่สุดที่เคยขายในประวัติศาสตร์ที่เป็นเรื่องราวมากๆ ภาพวาดนี้ขายได้ในการประมูลปี 2017 ในราคา 450.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ซึ่งรวมถึงค่านิยมทางศิลปะและค่านิยมทางประวัติศาสตร์) อย่างไรก็ตาม รายการที่เป็นประวัติศาสตร์นี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังนั้นคำตอบนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเปลี่ยนแปลงในตลาด

สุดยอดงานศิลปะที่คนให้ความสนใจมากในยุดเก่า คืออะไร

ในยุคเก่า, มีหลายงานศิลปะที่ได้รับความสนใจและยังคงเป็นที่น่าสนใจในปัจจุบันด้วย นอกจากงานของ Leonardo da Vinci เช่น “Mona Lisa” และ “The Last Supper” ที่ถูกพูดถึงมาก นีโอคลาสสิกและโรมันต่างๆ ยังเป็นเครื่องหมายสำคัญของศิลปะในยุคโบราณ

1.งานปีกสาม (The Triglyphs and Metopes)

ในโบราณกรีก สถาปัตยกรรมทางศิลปะของเทมเปิลเป็นหนึ่งในความสำคัญที่สุด งานศิลปะนี้ประกอบไปด้วย Triglyphs และ Metopes บนราวเสาโมโรสในเทมเปิลของปาร์เทนอน

2.พีระมิดของเจ้าแม่เองคาฟู

เป็นอีกตัวอย่างของศิลปะที่ยุคเก่าที่ได้รับความสนใจมาก พีระมิดนี้สร้างขึ้นในยุคปี 2550 – 2490 ก่อนคริสตกาล

3.งานศิลปะอีสต์

อีสต์โบราณมีศิลปะที่มีเอกลักษณ์มากมาย เช่น สัญลักษณ์อีสต์ ภูมิทัศน์ และ รูปภาพของเทพเจ้า

4.งานศิลปะอะซเมียเอกชนที่โรมัน

ศิลปะโรมันในยุคเก่าได้รับความสนใจในหลายด้าน เช่น สถาปัตยกรรม ภาพวาดและ ราตรีทำงาน

5.งานศิลปะศิลปินบาโรกและมิเคลแองเจ๊

สุดยอดงานศิลปะราคาสูง ในยุคประวัติศาสตร์ในศิลปะของกรุงเวนิส บาโรกและมิเคลแองเจ๊เป็นศิลปินที่มีผลงานที่สำคัญ

เหล่านี้เป็นแค่ตัวอย่างเล็ก ๆ ของงานศิลปะที่ได้รับความสนใจในยุคเก่า มีหลายที่น่าสนใจและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในทุกประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม

ทำไมงานศิลปะจึงมีมูลค่าสูง

มูลค่าของงานศิลปะสามารถมีราคาสูงได้ด้วยหลายปัจจัยที่ซับซ้อน นี่คือบางปัจจัยที่สามารถช่วยอธิบายทำไมงานศิลปะมีมูลค่าสูง

1.ความนิยมและชื่อเสียงของศิลปิน

ชื่อเสียงและความนิยมของศิลปินมีผลกระทบต่อมูลค่าของงานศิลปะที่สร้างขึ้น ถ้าศิลปินมีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับจากคณะวิจารณ์และตลาด, งานของเขามีโอกาสมีมูลค่าสูง

2.ความหาคมของงานศิลปะ

ถ้างานศิลปะนั้นๆ มีจำนวนจำกัดหรือถูกสร้างขึ้นโดยศิลปินที่ชื่อเสียง มูลค่าของงานนั้นมักจะสูงขึ้น

3.ประวัติศาสตร์ของการประมูล

ถ้างานศิลปะนั้นได้รับการประมูลในการประมูลที่มีความเข้มงวดและการต่อรองราคาที่สูง มูลค่าของงานนั้นๆ จะเพิ่มขึ้น

4.ความเชื่อมโยงทางประวัติศาสตร์

บางครั้งงานศิลปะสามารถมีมูลค่าสูงได้จากความเชื่อมโยงทางประวัติศาสตร์ เช่น การเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์หรือบุคคลที่มีชื่อเสียง

5.ความสมบูรณ์แบบและความซับซ้อน

งานศิลปะที่มีความสมบูรณ์และความซับซ้อนมักจะมีมูลค่าสูง เนื่องจากมีความลึกลับและความเป็นเอกลักษณ์

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ทางเข้า gclub มือถือ

ประวัติจังหวัดลำพูนในยุคสมัยต้นรัตนโกสินทร์ 

Published / by admin

    สำหรับใครที่เคยศึกษาประวัติศาสตร์ของประเทศไทยจะรู้ว่าประเทศไทยนั้นมีหลายยุคหลายสมัยมาแล้วซึ่งมีมาตั้งแต่ยุคสุโขทัยรวมถึงยุคอยุธยาและยุครัตนโกสินทร์

ประวัติจังหวัดลำพูน อย่างไรก็ตามในบทความนี้เราจะมาพูดถึงประวัติความเป็นมาของจังหวัดลำพูนซึ่งเป็นช่วงในยุคของรัตนโกสินทร์ตอนต้นซึ่งหลายคนนั้นอาจจะเคยศึกษาข้อมูลกันบ้างแล้วแต่ยังคงมีอีกหลายคนที่ยังคงไม่รู้จักประวัติของจังหวัดลำพูนในสมัยยุครัตนโกสินทร์ตอนต้นนั้นมีความเป็นมาอย่างไรนั่นเอง

อย่างไรก็ตามในสมัยยุคและโกสินทร์ตอนต้นของจังหวัดลำพูนนั้นเกิดช่วงประมาณทศวรรษที่ 24-25 ซึ่งในช่วงดังกล่าวนั้นเป็นช่วงที่การปกครองของจังหวัดลำพูนนั้นยังคงเป็นการปกครองในอาณาจักรล้านนาหรือที่เราเรียนกันว่าดินแดนล้านนานั่นเองซึ่งในยุคดังกล่าวนั้นถือได้ว่าเป็นยุคที่มีความเจริญรุ่งเรืองสูงสุดเกี่ยวกับทางด้านพระพุทธศาสนาอะไรก็ว่าได้

แต่ในขณะเดียวกันในความเจริญรุ่งเรืองก็มีการทำศึกสงครามเนื่องจากว่าในยุคดังกล่าวนั้นเป็นยุคที่พม่าพยายามที่จะเข้ามาครอบครองอาณาจักรล้านนาของไทยนั่นเองดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าในช่วงพุทธศตวรรษที่ 24-25 นั้นเป็นช่วงที่ประชาชนนั้นต้องเดือดร้อนเป็นอย่างมากเนื่องจากว่าประชาชนต้องพากันหลบหนีสงครามที่พม่าพยายามเข้ามายึดครองประเทศทำให้ชาวบ้านนั้นต้องทิ้งเมืองทำให้บ้านเมืองในยุคดังกล่าวนั้นถูกปล่อยทิ้งร้างเอาไว้

ซึ่งยุคดังกล่าวนั้นนอกจากเราจะรู้ว่าเป็นยุคของรัตนโกสินทร์ตอนต้นแล้วยังอาจกล่าวได้ว่าเป็นยุคเก็บผักใส่ช้าเก็บค่าใส่เมืองนั่นเอง 

ในช่วงยุคสมัยของรัตนโกสินทร์ตอนต้นหรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นยุคเปลี่ยนผ่านจากอาณาจักรล้านนามาเป็นการปกครองของรัตนโกสินทร์นั้นช่วงเวลาดังกล่าวนั้นเจ้าเมืองเชียงใหม่ที่มีการปกครองประชาชนและดูแลราษฎรนั้นก็คือพระยาบุรีรัตน์หรือที่เรียกกันในนามคำฝั้น 

โดยพระยาบุรีรัตน์นั้นได้เข้ามาดูแลประชาชนชาวเมืองเชียงใหม่ให้พากันอพยพมาอยู่ที่เมืองลำพูนแทนและให้ประชาชนนั้นสร้างบ้านเรือนตั้งถิ่นฐานอยู่ใกล้กับแม่น้ำได้แก่ริมแม่น้ำปิงและริมแม่น้ำกวงซึ่งชาวบ้านที่อพยพมาอยู่แถวพื้นที่บริเวณดังกล่าวนั้นส่วนใหญ่เป็นคนชาวยองดังนั้นวัฒนธรรมของชาวจังหวัดลำพูนในยุคปัจจุบันนั้นจึงมีการนำศิลปะและวัฒนธรรมของชาวยองมาใช้มาจนถึงปัจจุบัน

หลังจากที่เข้าสู่ยุคสมัยของรัตนโกสินทร์ตอนต้นซึ่งไทยสามารถทำสงครามขับไล่พม่าออกจากประเทศได้ทำให้ประชาชนอยู่กันอย่างมีความสุขเรียกได้ว่าเป็นยุคที่บ้านเมืองสงบสุขร่มเย็นดังนั้นหลังจากที่ไม่มีศึกสงครามใดๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงานช่างต่างๆรวมถึงศิลปะและวัฒนธรรมจึงมีการพัฒนาให้มีความเจริญรุ่งเรืองมากยิ่งขึ้นนั่นเอง 

 

สนับสนุนข้อมูลโดย   ufabet เว็บหลัก

ประวัติความเป็นมาของจังหวัดลำพูน 

Published / by admin

ประวัติความเป็นมาของจังหวัดลำพูน   เมื่อช่วงประมาณ 1,343 ปีมาแล้วจังหวัดลำพูนนั้นเป็นแค่เมืองเล็กๆเมืองหนึ่งซึ่งในสมัยอดีตนั้นมีการตั้งชื่อจังหวัดลำพูนว่าเมืองหริภุญชัย

โดยข้อมูลต่างๆเหล่านี้ได้มีการบอกเล่าเรื่องราวเอาไว้ในพงศาวดารโยนกโดยตามตำนานมีการเล่ากันถึงประวัติความเป็นมาของจังหวัดลำพูนว่าผู้ที่ก่อตั้งเมืองหริภุญชัยขึ้นมานั้นไม่ใช่เจ้าเมืองแต่เป็นฤาษีรูปหนึ่งที่มีการย้ายมาอยู่ยังเมืองหริภุญชัย

โดยฤาษีดังกล่าวชื่อว่าฤาษีวาสุเทพซึ่งฤาษีดังกล่าวนั้นได้มีการรวบรวมชนเชื้อชาติมอญและพวกเม็งคบุตรทำการก่อสร้างเมืองขึ้นมาโดยยึดพื้นที่บริเวณใกล้แม่น้ำหลังจากนั้นก็มีการส่งราชทูตไปเชิญพระราชธิดาของกษัตริย์เมืองละโว้มาทำการปกครองเมืองจุดที่มีการก่อตั้งเมืองหริภุญชัยนั้นจะอยู่แถวบริเวณแม่น้ำกวงและแม่น้ำปิงและปฐมกษัตริย์ที่มีการปกครองเมืองหริภุญชัยเป็นองค์แรกและนำความเจริญมาสู่เมืองหริภุญชัยคนแรกชื่อว่าพระนางจามเทวีนั่นเอง

หลังจากที่พระนางจามเทวีได้ขึ้นปกครองเมืองแล้วชื่อเสียงของเมืองหริภุญชัยก็โด่งดังไปทั่วเนื่องจากว่ามีความเจริญรุ่งเรืองในทุกๆด้าน

ไม่ว่าจะเป็นทางด้านเรื่องของการเกษตรการปกครองหรือแม้แต่ศิลปวัฒนธรรมรวมถึงทางทหารต่างๆและพระพุทธศาสนาเองก็เข้ามาเจริญรุ่งเรืองในประเทศไทยในสมัยของเมืองหริภุญชัยที่มีพระนางจามเทวีเข้ามาปกครองเมืองนั่นเอง

อย่างไรก็ตามมีกษัตริย์หลายพระองค์มากที่มีการสืบราชวงศ์และดูแลเมืองหริภุญชัยจนมาถึงยุคสมัยหนึ่งที่พ่อขุนเม็งรายมหาราชอยากจะครอบครองเมืองหริภุญชัยและ  gclub   เข้ามาทำศึกสงครามจนสามารถรวบรวมแว่นแค้นขึ้นมาใหม่และก่อตั้งเป็นอาณาจักรล้านนานั่นเอง 

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเมืองหริภุญชัยหรือจังหวัดลำพูนในปัจจุบันจะอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรล้านนาแต่ผู้ที่เข้ามาดูแลนั้นก็ยังคงให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องของศิลปะวัฒนธรรมดังนั้นจังหวัดลำพูนจึงมีความสำคัญทางด้านศิลปะวัฒนธรรมของอาณาจักรล้านนาเป็นอย่างมาก

จะเห็นได้จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะเป็นโบราณสถานหรือโบราณวัตถุที่ค้นพบในยุคปัจจุบันนั้นก็บ่งบอกให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองในสมัยของอาณาจักรล้านนามากเลยทีเดียวจนมาถึงเรื่องช่วงยุคของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่เข้ามาปกครองเมืองลำพูนและเปลี่ยนถ่ายอาณาจักรล้านนาเข้าสู่ยุคสมัยของกรุงรัตนโกสินทร์

หลังจากนั้นการปกครองก็มีการเปลี่ยนแปลงเรื่อยมาจนถึงช่วงประมาณปีพ.ศ 2475 จังหวัดลำพูนก็ไม่ได้มีการปกครองจากพระมหากษัตริย์แล้วเพราะมีการปกครองในรูปแบบของจังหวัดแทนและเปลี่ยนผู้ปกครองเมืองจากเจ้าเมืองมาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดจนถึงปัจจุบันนี้ซึ่งคนที่ปกครองจังหวัดลำพูนในสมัยอดีตเป็นคนสุดท้ายหรือที่เราเรียกกันว่าเจ้าเมืองคนสุดท้ายนั้นก็คือพลตรีเจ้าจักรคำ  ขจรศักดิ์ นั่นเอง